PTG บวก 3.88% มาอยู่ที่ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 121.69 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.26 น. โดยราคาเปืดมาที่ 10.30 บาท ปรับขึ้นสูงสุดที่ 10.70 บาท และต่ำสุด 10.20 บาท
โบรกฯ มองบวก บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) จากค่าการตลาดฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับ 1.70 บาท/ลิตร หนุนกำไรครึ่งปีหลังโต ส่งผลดีต่อกำไรทั้งปีเติบโตกว่าปีก่อน ขณะที่บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายน้ำมันในปีนี้เป็น 10-15% (เดิม 8-10%) และเดินหน้าขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยในปี 66 เป็น 1,200 สาขา
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองโทนการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดเป็นบวกเล็กน้อยจาก 1. แนวโน้มค่าการตลาดที่ฟื้นตัว เราคาดว่าค่าการตลาดในไตรมาส 3/66 จะไม่น้อยกว่า 1.7 บาทต่อลิตร และคาดหมายจะเห็นการเพิ่มขึ้นของค่าการตลาดที่ต่อเนื่องในไตรมาส 4/66 และ 2. บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายน้ำมันในปีนี้เป็น 10-15% (เดิม 8-10%)
บริษัทยังเชื่อมั่นว่าค่าการตลาดเฉลี่ยในปี 66 ที่ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร ยังมีความเป็นไปได้ (เทียบกับค่าการตลาดครึ่งแรกปี 66 ที่ 1.65 บาทต่อลิตร) พร้อมเป้าหมาย EBITDA Growth ที่ 8-12% (เทียบกับครึ่งแรก ปี 66 ที่ -10%) ทำให้การคาดหมายกำไรสุทธิครึ่งปีหลังนี้ เติบโตทั้งจากครึ่งปีแรกและช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มไตรมาส 3/66 ฟื้นตัวทั้งไตรมาสก่อนหน้า (qoq) และช่วงเดียวกันของปีก่อน (yoy) แม้เป็นช่วง Low season ปัจจัยบวกมาจากค่าการตลาดที่ฟื้นตัว สวนทางกับ Guidance ค่าการตลาดของ EPPO ส่วนหนึ่งป็นผลมาจากการปรับราคาขายหน้าสถานีบริการที่เริ่มกลับมาสอดคล้องกับราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่น ลดแรงกดดันต่อค่าการตลาด ปัจจัยบวกดังกล่าวเพียงพอชดเชย ยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการจะปรับลดลงตามฤดูกาล และอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil ที่คาดว่าจะลดลงตามฤดูกาลเช่นกัน ทำให้คาดว่ากำไรปกติไตรมาส 3/66 จะกลับมาอยู่ที่ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy
บริษัทปรับแผนการขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยในปี 66 เป็น 1,200 สาขา (เดิม 1,500 สาขา) ณ สิ้นไตรมาส 2/66 บริษัทมีสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยอยู่ที่ 703 สาขา และคาดว่าสิ้นไตรมาส 3/66 จะได้ไม่น้อยกว่า 900 สาขา นอกจากนี้บริษัทรับลดเงินลงทุน ในธุรกิจ Non-oil ลงจากเดิมที่ 1,500-2,000 ล้านบาท (เดิม 2,000-2,500 ล้านบาท)
เรายังคงประมาณกำไรสุทธิปี 66 อยู่ที่ 1,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% yoy (เทียบกับกำไรสุทธิครึ่งปีแรก อยู่ที่ 389 ล้านบาท คิดเป็น 38% ของกำไรสุทธิปี 66) และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% yoy
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน กำลังผลิต 4.5 เมกะวัตต์ บริษัทคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปลายปี 66 โครงการดังกล่าวจะใช้เวลาในการก่อสร้าง 18 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 68 และเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ ก.ย.68 (เรายังไม่รวมโครงการดังกล่าวในประมาณการของเรา)
ยังคงแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย 14.6 บาท PTG ยังคงน่าสนใจจากกำไรสุทธิที่ยังคงเติบโตในปี 66-67 ในอัตรา 10% และ 43% yoy ตามลำดับ ประกอบกับการลงทุนใน PTG ยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 4.4% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 66)
Tags: PTG, ตลาดน้ำมัน, น้ำมัน, พีทีจี เอ็นเนอยี, หุ้นไทย