ตลท.หวังนโยบายรัฐบาลใหม่เอื้อตลาดทุน พร้อมผลักดันกลุ่ม Growth Engine เข้าตลาด

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.เตรียมร่วมกับรัฐบาลดึงดูดการลงทุน โดยจะมุ่งให้ความสำคัญในอุตสาหกรรม Growth Engine ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการเรื่องเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ แต่อาจจะยังไม่มีกำไร สามารถเข้ามาในเกณฑ์ new ecocnomy ดังกล่าวได้ รวมถึงสนับสนุนกลุ่มสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอี โดยพัฒนา Live platform เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และเมื่อปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวตลาดหุ้น LiveX ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากธุรกิจสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดำเนินการต่อไป พร้อมปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์และผู้ใช้บริการมากขึ้น ถัดมาคือให้ความสำคัญกับการนำดาต้ามาใช้ในการประมวลผลต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือพัฒนาศักยภาพของตลาดทุนรวมกับการกำกับดูแล ซึ่งจะทำให้เราดูแลกำกับการซื้อขายได้ดีขึ้น

ทั้งนี้หลังการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น จากนี้คงต้องพิจารณานโยบายเศรษฐกิจ หรือนโยบายต่าง ๆ ที่จะถูกบรรจุอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะสนับสนุนตลาดทุนหรือเศรษฐกิจโดยภาพรวมอย่างไร โดยมองมีความท้าทายใน 3 เรื่องหลัก คือ 1. ภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งอัตราเงินเฟ้อ, ดอกเบี้ยนโยบาย, ผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ ว่าไทยจะสามารถรับมือได้อย่างไร ซึ่งจะสอดคล้องไปกับนโยบายของรัฐบาลว่าจะเอื้อหนุนปัจจัยเหล่านี้มากแค่ไหน 2.ความเชื่อมั่น หลังจากที่เกิดความเสี่ยงมากมายในตลาดทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกณฑ์กำกับดูแล บจ. ต่าง ๆ มากขึ้น ต้องรอดูต่อว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และ 3. การขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่อไปจะเป็นอย่างไร

สำหรับการจัดงาน Thailand Focus 2023 : The New Horizon ระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม 2566 ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกกว่า 200 ราย จาก 96 สถาบันทั่วโลก แยกเป็นกองทุนในประเทศ 54 แห่ง และกองทุนในต่างประเทศ 42 แห่ง อาทิ สิงคโปร์, ฮ่องกง, สหราชอาณาจักร, มาเลเซีย, สหรัฐอเมริกา, สวีเดน, ไต้หวัน และมีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่เข้ามาให้ข้อมูลทั้งหมด 118 บริษัท ซึ่งคละอยู่ในทุกหมวดอุตสาหกรรม อยู่ในกลุ่ม SET50, SET10, mai

โดยในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ กลุ่มเซอร์วิส ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตสูงในแง่ของผลผลิตด้านกำไร เช่น กลุ่มพาณิชย์, ท่องเที่ยว, ขนส่ง เป็นต้น และตอนนี้ประเทศไทยก็มีความโดดเด่นเรื่องของซอฟพาวเวอร์อย่างมาก เช่น ภาพยนตร์, ซีรีส์, กีฬามวย, บริการสปา เป็นต้น อีกทั้งไทยจะต้องจับตลาดและอาศัยความแข็งแกร่งจากการย้ายฐานของซัพพลายเชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ รวมถึงต่อยอดท่องเที่ยว ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกายภาพ (Hard Infrastructure) แต่ต้องลงไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน (Soft Infrastructure) ด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจเดิมให้สามารถดึงดูดได้มากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top