VGI บวก 4.73% หลังขายหุ้นแรบบิทไลน์เพย์ออกหมด 33.33% เล็งบันทึกกำไร 300 ลบ.

VGI ปรับตัวขึ้นรับปัจจัยบวกขายหุ้น Rabbit Line pay (RLP) ที่ถืออยู่ 33.33% พาหุ้น MACO บวกด้วย

เมื่อเวลา 11.17 น. VGI บวก 4.73% หรือเพิ่มขึ้น 0.14 บาท มาที่ 3.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 136.02 ล้านบาท จากราคาเปิด 2.94 บาท ราคาสูงสุด 3.10 บาท ราคาต่ำสุด 2.94 บาท

MACO บวก 7.02% หรือเพิ่มขึ้น 0.04 บาท มาที่ 0.61 บาท มูลค่าซื้อขาย 43.17 ล้านบาท จากราคาเปิด 0.57 บาท ราคาสูงสุด 0.63 บาท ราคาต่ำสุด 0.57 บาท

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.วีจีไอ (VGI) ประกาศขายการลงทุนใน RLP ซึ่งมีผลขาดทุนอยู่ เมื่อคืนนี้ RabbitPay System (RPS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ VGI ได้แจ้ง SET ว่าบริษัทได้ขายหุ้น 33.33% ใน Rabbit Line pay (RLP) ออกไปให้กับบุคคลที่สาม คือ Line Man (Thailand) และ Line Company (Thailand) โดย VGI ยังไม่ได้เปิดเผยว่าได้รับเงินจากการขายหุ้นดังกล่าวเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม VGI บอกว่าการขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีกำไรประมาณ 300 ล้านบาท

ทั้งนี้เรามองว่าเป็นพัฒนาการด้านบวกสำหรับ VGI เพราะสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากที่สุดในปีนี้ คือการตัดบริษัทในเครือที่มีผลขาดทุนออกไปจากงบกำไรขาดทุนของบริษัท และพยายามพลิกกลับมาทำกำไรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราประเมินว่า VGI จะบันทึกกำไรการขายหุ้นดังกล่าว 300 ล้านบาทในไตรมาส 2 งวดปีบัญชี 66/67 ซึ่งหมายความว่าผลขาดทุนของ VGI ในไตรมาส 2 นี้จะต่ำมาก หรืออาจจะถึงขั้นพลิกเป็นกำไรได้เลย จากที่ขาดทุนถึง 366 ล้านบาทในไตรมาส 1 งวดปีบัญชี 66/67

นอกจากนี้คาดว่า VGI น่าจะได้รับเงินสดรวม 500 ล้านบาท จากการขายหุ้นรอบนี้ เรายังไม่ทราบว่า VGI จะใช้เงินก้อนนี้ทำอะไรบ้าง แต่การมีเงินเข้ามาจะทำให้สถานะกระแสเงินสดของ VGI แข็งแกร่งขึ้นแน่นอน เราคาดว่า RLP จะส่งผลขาดทุนมาที่ VGI 60 ล้านบาทในปีบัญชี 66/67 ดังนั้น การขาย RLP ออกไปจะทำให้ผลขาดทุนของ VGI ในปี 66/67 ลดลงจากประมาณการเดิมของเรา 60 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% ของประมาณการผลขาดทุนเต็มปีของเราที่ 1 พันล้านบาท

ยังคงคำแนะนำซื้อ VGI และประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.27 บาท ทั้งนี้การขายหุ้น RPL ออกไปเป็นเพียงรายการแรกของการขายบริษัทที่มีผลขาดทุนออกไปเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะมีตามมาอีกเป็นระลอก เราชอบ VGI เพราะประเด็นของการ turnaround จากความพยายามแยก (de-consolidate) บริษัทที่มีผลขาดทุนออกไปจากงบรวมของบริษัท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top