นายกฯเผยยอดบุ๊กกิ้งจากจีนกระเตื้องหลังมีวีซ่าฟรี กำชับความปลอดภัยนทท.เร่งทำพีอาร์เชิงรุก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีประกาศการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการบ้างแล้ว ซึ่งเห็นความกระเตื้องของการทำ Booking เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนายกฯ ไม่ห่วงที่จะมีคนเข้ามาท่องเที่ยวเยอะ ถ้าเยอะก็ดี แต่จะเป็นปัญหาเรื่องความมั่นคง โดยได้สั่งการไปยังผู้การจังหวัดเชียงใหม่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อย่าให้บกพร่อง อย่าให้มีปัญหาเรื่องคนจีนเทา หรือเรื่องอื่นที่ไม่ดี

ส่วนเรื่องงบประมาณ ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นไม่ห่วง เราสามารถทำได้ แต่เรื่องความปลอดภัย ความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนักท่องเที่ยวต้องไปประเทศที่ปลอดภัยที่สุด ดังนั้น เราจะทำการพีอาร์เชิงรุก พีอาร์เชิงบวกที่เกี่ยวกับประเทศไทย เพื่อเป็นการเชื้อเชิญคนจีนหรือนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้เข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ อย่างเช่นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริแห่งนี้ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ต้องมีการเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอีก สำหรับการประเมินตัวเลขเม็ดเงินเข้าไทยหลังเปิดฟรีวีซ่าจีนนั้นกำลังประเมินอยู่ เพราะมีเรื่องทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ด้วย

ส่วนจะมีการยกเว้นวีซ่าให้ประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ากำลังจะมีอยู่ กำลังพิจารณาอยู่ในหลาย ๆ มิติ เพราะบางประเทศเราก็ต้องการสิ่งตอบแทนบ้างเหมือนกัน ต้องดูดี ๆ หรือวีซ่าบางประเทศ จะพิจารณาแต่ละประเทศโดยเอาข้อมูลสถิติมาดู และอาจจะมีการยืดระยะเวลา ต้องขอเวลาศึกษาก่อน โดยกรอบเวลาจะพยายามให้ทันไฮซีซั่นปีนี้ แต่ไฮซีซั่นของแต่ละทวีปก็ต่างกันไป ทั้งนี้ การท่องเที่ยวของประเทศไทยหากบริหารจัดการให้ดีมีระบบที่ดี ส่วนตัวเชื่อและเป็นความฝันของตนว่าทุก ๆ เดือนจะเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวของประเทศไทย

สำหรับกรณีการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษจังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน อีกประมาณ 3-4 เดือนจะถึงช่วงที่ไม่ดี และเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ซึ่งนอกเหนือจากปัญหาเรื่องความมั่นคงแล้ว นักท่องเที่ยวก็มีความเป็นห่วงเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีวิธีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องการเผาป่า โดยจะมีการประชุมและแถลงแผนงานเรื่องนี้ให้ทราบต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ที่ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีมีมติลดราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี โดยขณะนี้ผู้ใช้น้ำมันเบนซินมีเสียงสะท้อนว่า คนใช้เบนซินมีสิทธิ์ไหมว่า “มีสิทธิ์ ขอให้ใจเย็น ค่อย ๆ ทำทีละเรื่อง อะไรที่ทำได้ ผมทำไปก่อน ไม่อยากจะประกาศพร้อมกันหมด หากจะให้ประกาศพร้อมกันหมดอาจต้องรอ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งวันนี้เรื่องราคาน้ำมันดีเซลเราทำได้แล้วก็ทำ เรื่องไฟฟ้าเราทำได้แล้วเราก็ทำ และจะทำอีก อาจจะไม่หยุดอยู่แค่ที่ 4.10 บาทก็ได้ อาจจะต่ำกว่านั้นก็ได้ เพราะเราตระหนักดีว่าพี่น้องเดือดร้อนทุก ๆ ภาคส่วน ไม่อยากให้ต้องคอยประกาศที่เป็นแพลนใหญ่ แต่อยากให้ประชาชนทราบอะไรที่ทำได้เราทำก่อน”

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเป็นห่วงปริมาณน้ำในภาคเหนือที่มีน้อยกว่าปีที่แล้ว ขณะที่ทางภาคอีสานมีน้ำมาก แต่ยังมีความหวังว่าอีกประมาณ 1 เดือนกว่า ๆ นี้จะมีฝนมาอีก ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการน้ำให้ดี ไม่ขาดน้ำในการอุปโภคบริโภค การบำรุงรักษาระบบนิเวศต้องไม่เสื่อม ที่เหลือเป็นน้ำภาคการเกษตรและการอุตสาหกรรม โดยภาคที่ต้องการน้ำมากที่สุดคือภาคการเกษตรกรรม ขณะที่นาปรังก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะถ้าจะไปห้ามเกษตรกรทำนาปรัง เกษตรกรก็จะไม่มีรายได้ จึงต้องให้องค์ความรู้กับเกษตรกร หากจะให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชพันธุ์อื่นทดแทนการทำนาปรังก็ต้องมั่นใจว่ามีเมล็ดพันธุ์พอเพียง องค์ความรู้ต้องพอเพียง และเรื่องการตลาดเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องให้เกษตรกรมั่นใจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการผลักดันโครงการผันน้ำยวมเติมน้ำเขื่อนภูมิพล ที่กรมชลประทานเสนอ โดยให้มีการศึกษาเพื่อดำเนินการต่อ รวมถึงโครงการท่อส่งน้ำหลาย ๆ ท่อในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ที่ก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ เหลืออีกเพียงประมาณ 10-20% ซึ่งได้พยายามเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนี้ เพื่อเติมเต็มปริมาณน้ำในเขื่อนต่าง ๆ อันจะเป็นการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว ขณะที่สำหรับโครงการขนาดใหญ่ การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ และการขออนุญาตต่าง ๆ จะต้องให้ประชาชนเห็นด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top