HILITE: JPARK ปิดเทรดวันแรก 4.66 บาท เหนือจอง 22.63%

JPARK ปิดเทรดวันแรกที่ 4.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.86 บาท (+22.63%) มูลค่าซื้อขาย 2,282.81 ล้านบาท จากราคา IPO 3.80 บาท จากราคาเปิด 4.86 บาท ราคาสูงสุด 5.35 บาท ราคาต่ำสุด 4.44 บาท

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.เจนก้องไกล (JPARK) ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพื้นที่จอดรถ โดยแบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจให้บริการที่จอดรถ 2.ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ 3. ธุรกิจให้คำปรึกษาและรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ ด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่มธุรกิจได้อย่างครบวงจร ปัจจุบันบริษัทมีช่องจอดภายใต้การดูแลกว่า 28,000 ช่องจอด โดยส่วนใหญ่บริษัทจะเป็นผู้ลงทุนปรับปรุงพื้นที่จอดรถ ติดตั้งอุปกรณ์และระบบที่ใช้ในการบริหารพื้นที่จอดรถ แต่มีโครงการอาคารจอดรถบริเวณโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าเป็นโครงการแรกที่บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบการลงทุนค่าก่อสร้างอาคารจอดรถ รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์และระบบ ซึ่งขณะนี้เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/67

บล.ทิสโก้ ระบุว่า บริษัทมีความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการที่จอดรถและรับจ้างบริหารพื้นที่จอดรถ ซึ่งผู้ให้บริการในลักษณะนี้มีจำนวนน้อย รวมทั้งพื้นที่จอดรถส่วนใหญ่มักไม่มีการบริหารจัดการหรือเป็นการบริหารจัดการโดยเจ้าของพื้นที่เอง ดังนั้นโอกาสของบริษัท คือ การที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ การหาทำเลที่มีศักยภาพ และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ทำให้พื้นที่จอดรถภายใต้การดูแลของบริษัทมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ ทั้งในด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยของทรัพย์สิน ทั้งนี้ธุรกิจของบริษัทมีจุดแข็งจากการช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนที่จอดรถ ซึ่งแนวโน้มจำนวนผู้ใช้รถยนต์ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อ้างอิงจากข้อมูลวิจัยของกรุงศรีคาดการณ์ว่า การจำหน่ายรถยนต์ในไทยมีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ย 4-6% ในปี 66 และ 67 รวมทั้งธุรกิจมีกระแสเงินสดที่สูง เนื่องจากมีการรับเงินสดทันทีหลังให้บริการ ขณะที่เงินสดที่จ่ายออกเป็นการจ่ายในลักษณะรายเดือน โดยเป็นการจ่ายค่าเช่าพื้นที่ให้แก่เจ้าของพื้นที่และค่าตอบแทนของพนักงาน จึงมองว่าการระดมทุนเพื่อรองรับการเติบโตในครั้งนี้จึงมีความเหมาะสม เนื่องจากบริษัทยังมีโครงการในอนาคตอื่นที่รอการขยายอยู่อีก

แนวโน้มรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นตามพื้นที่ให้บริการที่ขยายตัว รายได้หลักมาจากการให้บริการพื้นที่จอดรถราว 60-70% โดยผันแปรตามจำนวนผู้มาใช้ช่องจอด รองลงมาเป็นรายได้จากการรับจ้างบริหารพื้นที่จอดรถ ซึ่งได้รับค่าตอบแทนแบบคงที่รายเดือน ทำให้บริษัทมีรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring income) ขณะเดียวกันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบเริ่มเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อไปยังรายได้ในการรับจ้างบริหารพื้นที่จอดรถภายหลังการติดตั้งแล้วเสร็จ มองว่าระยะสั้นรายได้จะเติบโต YoY เนื่องจากปี 66 กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติ และในระยะยาวรายได้จะเติบโตตามการขยายพื้นที่ให้บริการที่จอดรถ และมีรายได้ต่อเนื่องสูงขึ้นจากการรับจ้างบริหาร รวมทั้งงานติดตั้งอุปกรณ์และระบบที่เพิ่มขึ้น

แนวโน้มอัตรากำไรสุทธิดีขึ้น จากธุรกิจให้บริการที่จอดรถฟื้นตัว รวมทั้งรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารพื้นที่จอดรถและธุรกิจให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบเพิ่มขึ้น ขณะที่ 1H66 แนวโน้มต้นทุนจากการให้บริการเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนงานติดตั้งและวางระบบ สอดคล้องกับรายได้ในส่วนนี้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของธุรกิจให้บริการที่จอดรถ รวมทั้งธุรกิจรับจ้างบริหาร และธุรกิจให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจให้บริการที่จอดรถ ในระยะยาวหากบริษัทสามารถขยายโครงการ และมีงานใหม่เข้ามา มองว่าอัตรากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่อง

โครงการในอนาคต ได้แก่ 1.ระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ Prompt Park 2. การขยายการให้บริการพื้นที่จอดรถไปยังทำเลที่มีศักยภาพ 3. การรับงานบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ รวมทั้งงานติดตั้งระบบและอุปกรณ์เพิ่มขึ้น

ความเสี่ยง : 1. การพึ่งพิงผู้ให้เช่าพื้นที่จอดรถรายใหญ่ 2. การพึ่งพิงรายได้จากลูกค้ารายใหญ่สำหรับธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ 3. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ

จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้นด้วยวิธี PER ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน (จดทะเบียนในตลาดญี่ปุ่น) ที่ 22-24 เท่า ได้มูลค่าเหมาะสมที่ 3.90-4.30 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top