นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 22 ในรูปคณะกรรมการไตรภาคีประชุมร่วมกัน และมีมติเป็นเอกฉันท์การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ในช่วง 2-16 บาท หรือเฉลี่ยที่ 3.2% ทั่วประเทศแล้วนั้น
หอการค้าไทย เห็นว่าการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีครั้งนี้ ภายใต้คณะกรรมการไตรภาคี เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 87 ในการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้คณะกรรมการค่าจ้างศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่น โดยคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ มาตรฐานการครองชีพ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการ ความสามารถของธุรกิจ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม
ประกอบกับการพิจารณาจากปัจจัยหลายเงื่อนไขตามกฎหมายกำหนด และสอดคล้องกับกฎบัตรองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และเห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มีความเป็นห่วงลูกจ้างจากมติค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีครั้งนี้ อันมาจากความตั้งใจให้ลูกจ้างคนไทยมีรายได้ดีขึ้น และส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเห็นว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในบางจังหวัดไม่เหมาะสมนั้น
จากเหตุผลดังกล่าว หอการค้าไทย ได้ตระหนักถึงความเป็นห่วงของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเห็นว่าคณะรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี สามารถให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อให้กระทรวงแรงงาน โดยคณะกรรมการไตรภาคี ทบทวนศึกษาการปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีในบางจังหวัดได้ให้เหมาะสมเพิ่มมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 66)
Tags: ค่าแรงขั้นต่ำ, พจน์ อร่ามวัฒนานนท์, หอการค้าไทย