สาวกบิตคอยน์ทั่วโลกลุ้นระทึก Spot Bitcoin ETF แจ้งเกิดวันนี้

บิตคอยน์ปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นขานรับข่าวปลอมที่ว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF แล้ว ก่อนที่ SEC จะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว

ณ เวลา 17.59 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ร่วงลง 2.35% สู่ระดับ 45,567.50 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase

ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 48,000 ดอลลาร์ในช่วงแรก ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2565 ก่อนที่จะดิ่งลงสู่ระดับ 44,816.94 ดอลลาร์ หลังจาก SEC ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม

การปรับตัวอย่างผันผวนของบิตคอยน์ดังกล่าวบ่งชี้ว่านักลงทุนสายคริปโทต่างกำลังใจจดใจจ่ออยู่ที่การตัดสินใจของ SEC ในวันนี้ ซึ่งหากมีการอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ก็จะถือเป็นการอนุมัติการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเป็นครั้งแรกในสหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การที่สหรัฐอนุมัติจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF จะเป็นปัจจัยผลักดันให้บิตคอยน์ดีดตัวขึ้นต่อไป เหมือนกับการอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF ของทองเป็นครั้งแรกในเดือนพ.ย.2547 ซึ่งทำให้นักลงทุนเข้าลงทุนในทองได้สะดวกขึ้นเพียงเข้าซื้อกองทุน ETF โดยไม่ต้องถือครองทองโดยตรง และทำให้ทองกลายเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่นักลงทุนเลือกในการกระจายการลงทุน

การเปิดกองทุน ETF ทองในปี 2547 ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อจำนวนมากหลั่งไหลเข้าตลาด และทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นจากต่ำกว่าระดับ 500 ดอลลาร์/ออนซ์ไปสู่ระดับเกือบ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในเวลาเพียง 8 ปี

ด้านนายคริส เวสตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทเปปเปอร์สโตน กรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ Sell on Fact ทันทีที่ SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF

นอกจากนี้ นายเวสตันระบุว่า ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า บิตคอยน์จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 51,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวลงจากการที่นักลงทุนเข้าทำกำไร

ขณะนี้ บิตคอยน์ได้ทะยานขึ้น 173% ในรอบ 12 เดือน และพุ่งขึ้น 10% นับตั้งแต่ต้นปี 2567 สวนทางการปรับตัวลงของตลาดหุ้นและทอง

ข้อมูลจาก Coinswitch ระบุว่า การทะยานขึ้นของบิตคอยน์ได้ผลักดันให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีมูลค่ามากกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ บริษัทหลายแห่งได้พากันปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF เพื่อแย่งส่วนแบ่งในตลาด แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติต่อการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ก็ตาม

การประกาศปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ของบริษัทต่างๆ เป็นสัญญาณบ่งชี้ความเชื่อมั่นว่า SEC จะให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ในไม่ช้า

บริษัทจำนวน 13 แห่งได้ยื่นแบบฟอร์ม S-1 แสดงความจำนงในการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ต่อ SEC แล้ว ซึ่งได้แก่

Grayscale Bitcoin Trust, Ark/21Shares Bitcoin Trust, Bitwise Bitcoin ETF Trust, BlackRock Bitcoin ETF Trust, VanEck Bitcoin Trust, WisdomTree Bitcoin Trust, Valkyrie Bitcoin Fund, Invesco Galaxy Bitcoin ETF, Fidelity Wise Origin Bitcoin Trust, Global X Bitcoin Trust, Hashdex Bitcoin ETF, Franklin Templeton Digital Holdings Trust และ Pando Asset Spot Bitcoin Trust

ทั้งนี้ ARK 21Shares Bitcoin ETF ปรับลดค่าธรรมเนียมสู่ระดับ 0.25% จากเดิมที่ระดับ 0.80% ขณะที่ BlackRock กำหนดค่าธรรมเนียมที่ 0.30% และ VanEck มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.25% โดยมี Grayscale กำหนดค่าธรรมเนียบสูงสุดที่ 1.5%

หาก SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF จะทำให้นักลงทุนที่ซื้อกองทุนดังกล่าวสามารถเข้าลงทุนในบิตคอยน์ได้โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง และจะสร้างความสนใจต่อนักลงทุนสถาบัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้หลีกเลี่ยงการลงทุนในบิตคอยน์ เนื่องจากกังวลว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ขาดการควบคุมด้านกฎระเบียบจากหน่วยงานกำกับดูแล

ทั้งนี้ SEC มีกำหนดเส้นตายในวันนี้ (10 ม.ค.) ในการประกาศผลการพิจารณาอนุมัติแบบฟอร์ม S-1 ของบริษัทต่างๆ ที่ได้ยื่นแสดงความจำนงต่อ SEC และ SEC มีกำหนดพิจารณาให้การอนุมัติต่อแบบฟอร์ม 19b-4 ของแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ต้องการจดทะเบียนซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ภายในไม่กี่วันข้างหน้า โดย SEC จะต้องให้การอนุมัติแบบฟอร์ม S-1 และ 19b-4 ก่อนที่จะเริ่มเปิดการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ในตลาด

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของ SEC ได้จัดการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่จากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก, ตลาด Nasdaq และ ตลาด Chicago Board Options Exchange เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ซึ่งทั้ง 3 ตลาดเป็นตลาดที่มีการซื้อขายกองทุน ETF

การประชุมดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์กันอย่างแพร่หลายว่า SEC จะให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ในไม่ช้า

นักวิเคราะห์มีความมั่นใจว่า SEC จะให้การอนุมัติจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ไม่เกินวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการอนุมัติครั้งแรกในสหรัฐ

ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากกว่า 150% ในปีที่แล้ว โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเพียง 24%

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าบิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2567

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ม.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top