ส่อง 10 อันดับ “อาชีพเด่น” ปี 67 และ “อาชีพในฝัน” เด็ก Gen Z

ม.หอการค้าไทย เผย 10 อาชีพเด่นปี 67 อันดับ 1 คือ วิศวกรความปลอดภัยไซเบอร์ ตามด้วย แพทย์ศัลยกรรม-ผิวหนัง ส่วนอาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่ Gen Z อยากเป็นครู-ติวเตอร์ มากที่สุด

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ 10 อาชีพเด่นปี 67 ที่ประเมินจากความต้องการแรงงานของผู้ประกอบการ ความมั่นคง และยั่งยืนด้านรายได้ ระดับรายได้ และจำนวนคู่แข่งในตลาดว่า อาชีพส่วนใหญ่ สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคดิจิทัล และความต้องการในการดูแลสุขภาพ รวมถึงเป็นอาชีพที่มั่นคง รายได้สูง

สำหรับ 10 อาชีพเด่น ปี 2567 ได้แก่

1. วิศวกรความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Network Security) หรือเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคความปลอดภัย

2. แพทย์ (ด้านศัลยกรรม ด้านผิวหนัง)

3. นักกายภาพบำบัด นักจิตวิทยา ทันตแพทย์

4. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) หรือนักออกแบบข้อมูล

5. YouTuber TikToker อินฟลูเอนเซอร์ สตรีมเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ หรือพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์

6. ดารา นักแสดง นักร้อง นักการตลาดออนไลน์ นายหน้าขายสินค้า (Affiliate) นักพัฒนาซอฟต์แวร์

7. นักวิเคราะห์การเงิน ที่ปรึกษาทางการเงิน และนักวางแผนทางการเงิน

8. ผู้ประกอบการ (ธุรกิจส่วนตัว)

9. ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ กฎหมาย

10. ติวเตอร์ หมอดู

*เด็ก Gen Z ฝันอยากเป็น “ครู-ติวเตอร์” มากสุด

ส่วนอาชีพในฝันของเด็กรุ่นใหม่ ปี 67 ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 802 ตัวอย่าง ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตอนปลาย/ปวช. อนุปริญญา/ปวส. และปริญญาตรี ระหว่างวันที่ 6-15 ม.ค. 67 พบว่า

อันดับ 1 ครู อาจารย์ ติวเตอร์

อันดับ 2 ธุรกิจส่วนตัว นายตัวเอง

อันดับ 3 แพทย์ พยาบาล

อันดับ 4 อินฟลูเอนเซอร์ สตรีมเมอร์ YouTuber

อันดับ 5 นักออกแบบกราฟิก

อันดับ 6 ทนายความ อัยการ

อันดับ 7 งานด้านต่างประเทศ

อันดับ 8 ศิลปิน นักตัดต่อ

อันดับ 9 นักบิน แอร์โฮสเตท

อันดับ 10 ข้าราชการ (ทหาร ตำรวจ ข้าราชการทั่วไป)

โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกอาชีพในฝัน คือ เป็นที่ต้องการของตลาด มีตำแหน่งงานรองรับแน่นอน, เงินเดือนและผลตอบแทนสูง, มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี, เลือกตามคนในครอบครัว, หางานง่าย มีโอกาสก้าวหน้าสูง และองค์กรมีชื่อเสียง ส่วนทักษะ หรือองค์ความรู้ที่จำเป็นสำหรับอาชีพ คือทักษะด้านภาษา, ทักษะในการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน, ทักษะการใช้เทคโนโลยีและโปรแกรม, ทักษะในการคิดและวิเคราะห์, ทักษะในการปรับตัว พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่, ทักษะการเจรจาต่อรอง และทักษะการแก้ปัญหาซับซ้อน

“เด็กๆ ต้องการให้ภาครัฐปรับปรุง และพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ส่งเสริมการเรียนภาษาต่างประเทศ โดยยกระดับทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับผู้ด้อยโอกาส หรือผู้ยากจน และจัดกิจกรรม หรืออีเวนท์เพื่อเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์” นายวชิร กล่าว

นอกจากนี้ ยังสำรวจพฤติกรรมการออมเงิน และการใช้จ่ายของเด็กรุ่นใหม่ พบว่า 30.3% ออมเงิน, 3.6% ลงทุน, 65% ไม่มีทั้ง 2 อย่าง และ 1.1% มีทั้ง 2 อย่าง โดยรูปแบบการออมเงินและลงทุน คือ ฝากธนาคาร ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หุ้น กองทุนรวม ทองคำ ตราสารหนี้

อย่างไรก็ดี หากค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ จะแก้ปัญหาโดยขอเงินผู้ปกครอง ยืมเงินเพื่อน ทำงานพิเศษ ขายสินทรัพย์ส่วนตัว กู้ยืมในและนอกระบบ ส่งผลให้มีหนี้นอกระบบเฉลี่ยคนละ 10,708 บาท และในระบบเฉลี่ย 41,185 บาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า 10 อาชีพเด่นดังกล่าว เป็นมุมมองของตลาดแรงงาน เทรนด์ของธุรกิจที่สอดคล้องกับเทคโนโลยี แต่หากมองจากมุมของเด็ก จะพบว่า อาชีพในฝันยังเป็นครู อาจารย์ ติวเตอร์ ที่อาจไม่ใช่อาชีพสำหรับโลกในอนาคตมากนัก เพราะเด็กยังไม่มองถึงเทคโนโลยี ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องผลิตแรงงานให้สอดคล้องตลาดแรงงานให้มากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top