ผู้ว่า ธปท. ให้สัมภาษณ์นิกเกอิ ยันไม่ควรเร่งลดดบ. หวั่นกระทบเสถียรภาพการเงิน

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิของญี่ปุ่นว่า เขามองว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมกับกล่าวว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินก่อนเวลาอันควรนั้น จะทำให้เสถียรภาพด้านการเงินของไทยเผชิญกับความเสี่ยง

นายเศรษฐพุฒิให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวกับนิกเกอิ หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีต้องการให้ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจของไทยซึ่งขณะนี้มีการขยายตัวต่ำกว่าระดับ 2% โดยนายเศรษฐาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (19 ก.พ.) ว่า การประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของธปท.ซึ่งกำหนดไว้ในเดือนเม.ย.ถือว่านานเกินไป

ทั้งนี้ นายเศรษฐพุฒิกล่าวกับนิกเกอิว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและวัฏจักรในระบบเศรษฐกิจของไทย แต่กลับจะทำให้เสถียรภาพด้านการเงินเผชิญกับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อพิจารณาจากหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 90% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยนายเศรษฐพุฒิมองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแอ แต่ก็ยังคงฟื้นตัว ซึ่งสวนทางกับการตั้งข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเศรษฐาที่ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเศรษฐาซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของไทยด้วยนั้น มักจะมีความเห็นที่ขัดแย้งกับธปท.เกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจนับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว โดยในช่วงต้นสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีเศรษฐาพยายามกดดันให้ธปท.เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า GDP ปี 2566 ของไทยอ่อนแอกว่าคาด

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธปท.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยระบุว่ากนง.ยังคงต้องประเมินข้อมูลเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่าการชะลอตัวของเงินเฟ้อเมื่อไม่นานมานี้ถือเป็นภาวะชั่วคราว และธปท.จะประเมินข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ นายเศรษฐพุฒิยังเปิดเผยกับนิกเกอิเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายกรัฐมนตรีเศรษฐาว่าเป็นไปอย่างมืออาชีพและจริงใจ ส่วนความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องของการทำงานที่ต่างหน้าที่กัน พร้อมกับกล่าวว่า ธปท.ไม่ได้ยึดมั่นแบบตายตัวเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

บลูมเบิร์กรายงานว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหลังจากนิกเกอิรายงานบทสัมภาษณ์ของนายเศรษฐพุฒิ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.พ. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top