เฮติประกาศภาวะฉุกเฉิน-เคอร์ฟิว หลังแก๊งอาชญากรพานักโทษนับพันแหกคุก หวังโค่นนายกฯ

รัฐบาลเฮติประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อค่ำวานนี้ (3 มี.ค.) หลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบการสื่อสารและนำไปสู่การแหกคุก 2 แห่ง ขณะที่หัวหน้าแก๊งรายใหญ่พยายามโค่นล้มนายอาเรียล อองรี ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเฮติ

แถลงการณ์ของรัฐบาลระบุว่า เพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย รัฐบาลได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วเขตตะวันตก โดยมีผลทันทีเป็น “ระยะเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงที่สามารถต่ออายุออกไปได้”

“ระหว่างเวลา 6 โมงเย็นถึงตี 5 ในวันจันทร์ที่ 4 มี.ค., อังคารที่ 5 มี.ค., พุธที่ 6 มี.ค. และวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. 2567 นี้” จะมีการใช้มาตรการเคอร์ฟิว

แถลงการณ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานดับเพลิง คนขับรถพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และนักข่าวที่ผ่านการตรวจสอบแล้วไม่ต้องปฏิบัติตามเคอร์ฟิว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีขึ้นหลังเกิดเหตุความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บางส่วนของกรุงปอร์โตแปรงซ์เป็นอัมพาต ระบบการสื่อสารเสียหาย และนำไปสู่การแหกคุก 2 แห่ง รวมถึงคุกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเฮติ

ประธานบริษัทดิจิเซล (Digicel) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศเฮติกล่าวว่า ระบบสื่อสารได้รับผลกระทบหลังจากเกิดเหตุความรุนแรงบนท้องถนนในพื้นที่บางส่วนของกรุงปอร์โตแปรงซ์เป็นเวลาหลายวัน

นายมาร์เต็น บูต ประธานบริษัทดิจิเซล (Digicel) โพสต์ข้อความทางเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า ทีมงานภาคสนามในช่วงบ่ายวันอาทิตย์สามารถกู้คืนการเชื่อมต่อได้อย่างแล้ว และขอขอบคุณ “ช่างเทคนิคผู้กล้าหาญที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนสำเร็จได้ แม้ในสภาวะที่ล่อแหลมอย่างยิ่ง”

เสียงปืนดังสนั่นสร้างความตื่นตระหนกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่นายจิมมี เฌอริซิเยร์ ผู้เป็นหัวหน้าแก๊งรายใหญ่และเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกร้องให้แก๊งอาชญากรต่าง ๆ รวมตัวกันโค่นล้มนายกฯ อองรี

ทั้งนี้ นายเฌอริซิเยร์ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐและองค์การสหประชาชาติ

ในคืนวันเสาร์ (2 มี.ค.) กลุ่มติดอาวุธได้บุกโจมตีเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ท้าทายกองกำลังตำรวจเฮติที่เรียกร้องความช่วยเหลือ ต่อมา ทางรอยเตอร์ไปเยือนเรือนจำแห่งชาติเมื่อวานนี้โดยพบว่า ไม่มีร่องรอยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและประตูคุกหลักก็ยังเปิดอยู่

ทั้งนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชน RNDDH ให้ข้อมูลว่า เรือนจำดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อรองรับนักโทษ 700 คน แต่ใช้ขังนักโทษจริงสูงถึง 3,687 คนเมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้ว

อาสาสมัครเรือนจำรายหนึ่งกล่าวว่า มีนักโทษ 99 คนที่ตัดสินใจอยู่ในห้องขังเพราะกลัวถูกฆ่าจากเหตุปะทะข้างนอก รวมถึงอดีตทหารโคลอมเบียปลดเกษียณหลายคนที่ถูกจำคุกฐานมีส่วนเกี่ยวข้องในการลอบสังหารนายฌอเวอแนล มออีซ อดีตประธานาธิบดีเฮติ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเฌอริซิเยร์เตือนชาวบ้านไม่ให้พาเด็ก ๆ ไปโรงเรียนเพื่อ “หลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น” ขณะที่ความรุนแรงพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่นายกฯ ไม่อยู่

ก่อนหน้านี้ นายกฯ อองรี ซึ่งขึ้นสู่อำนาจในปี 2564 หลังเกิดเหตุลอบสังหารปธน.มออีซ เคยให้คำมั่นว่าจะลาออกในช่วงต้นเดือนก.พ. แต่ภายหลังกล่าวว่าต้องฟื้นฟูความมั่นคงก่อนเพื่อให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top