Orbix จับจังหวะตลาดคึกรับ Bitcoin Halving รุกกวาดลูกค้าเพิ่มพุ่งตรงขึ้น Top3

นายชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด (Orbix) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ได้ประกาศเข้าซื้อบริษัท สตางค์ คอร์ปเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และเปลี่ยนเป็น Orbix ไปเมื่อเดือนพ.ย. 66

ในปี 67 Orbix พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่ต้อนรับความคึกคักของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วง Bitcoin Halving โดยตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 3 ในกลุ่มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยภายใน 3 ปี โดยจะรเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้มีเป้าขยายจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์ม Orbix เพิ่มขึ้น 10-15% จากฐานลูกค้าปัจจุบันกว่า 500,000 ราย

พร้อมกันนั้น Orbix จะมุ่งเน้นการทำการตลาดและดึงดูดให้ลูกค้าเดิมให้กลับมาใช้งาน โดยมีเป้าหมายทำให้ Daily Active User เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบกับปี 66 ช่วงที่ KBANK เข้ามาซื้อกิจการ ซึ่งปัจจุบัน Daily Active User อยู่ที่เฉลี่ย 500-600 ราย/วัน โดยเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.

พร้อมตั้งเป้าหมายด้านรายได้ในปี 67 เติบโต 6 เท่า หรือมาอยู่ที่ 160-170 ล้านบาท จากปี 66 อยู่ที่ 25-26 ล้านบาท

นายชาญวิทย์ กล่าวว่า Orbix ดำเนินธุรกิจและให้บริการด้วยแนวคิด “สู่ประสบการณ์ใหม่ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งบริษัทได้เดินหน้าพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์หลักของ Orbix คือ ส่งมอบประสบการณ์ในการใช้งานที่ง่าย (Easy) และเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในการให้บริการ (Trustworthy) ทำให้ Orbix เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องการคุ้มครองนักลงทุนที่เพียงพอเหมาะสม หรือ Investor Protection ทำให้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ในประเด็นดังกล่าว ได้แก่

– การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (Transparency) Orbix ให้ความสำคัญและจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลตามที่หน่วยงานกำกับกำหนด รวมถึงจัดทำรายงาน Proof of Reserve รายเดือน เพื่อสร้างความมั่นใจและความโปร่งใสให้กับนักลงทุน ประกอบกับการดำเนินงานต่างๆของ Orbix เป็นไปตามการควบคุมของสำนักงาน ก.ล.ต.) รวมถึงการมี KBANK เป็นผู้ลงทุนจึงต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย ทำให้มีมาตรฐานการตรวจสอบเป็น Bank Grade เพิ่มความมั่นใจในการขอรับรองมาตรฐานการให้บริการ ISO รายแรกในอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับความมั่นใจและความปลอดภัยในการใช้บริการ

– การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่รัดกุม (Prudent Product Selection) Orbix มีกระบวนการคัดเลือกเหรียญตามเกณฑ์ ก.ล.ต. โดย มีแผนในการเพิ่มเหรียญใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเข้าสู่กระดานซื้อขาย (List) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน แต่ในขณะเดียวกันก็มีการทบทวนคุณสมบัติของเหรียญในกระดานอย่างสม่ำเสมอ หากเหรียญใดไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะมีการพิจารณานำออกจากกระดาน (Delist) เพื่อลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการ Delist เหรียญในกระดานออกไปแล้ว 3 เหรียญ ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนเหรียญในแพลตฟอร์มที่ให้บริการซื้อขายจำนวน 40 เหรียญ

– การให้ความรู้แก่นักลงทุน (Investor Education) Orbix เชื่อว่า การเสริมสร้างความรู้ให้กับนักลงทุนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญ โดย Orbix ได้เริ่มสร้างเสริมความรู้ผ่านรูปแบบ Gamification ซึ่งเป็นแนวทางที่เข้าถึงนักลงทุนได้ง่าย โดยให้ลูกค้าทำแบบทดสอบเพื่อให้นักลงทุนเข้าใจสไตล์การลงทุนของตนเอง พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆที่ทาง orbix ได้จัดเตรียมไว้ตามสไตล์การลงทุน

ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์ม Orbix เน้นการใช้งานง่ายทั้งซื้อ ขาย โอนเหรียญ รวมทั้งการสมัครใช้งานได้ด้วยตนเอง สามารถเลือกวิธีการยืนยันตัวตนได้ 2 แบบ คือ ยืนยันตัวตนผ่าน NDID สำหรับลูกค้าทั่วไป และการยืนยันตัวตนบน K+ สำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย และจะมีการให้บริการการโอนเงินเข้า Wallet ของ Orbix ผ่าน K+ แบบ Seamless เพิ่มเข้ามา พร้อมฟีเจอร์ Wallet Lock ที่มีระบบการล็อกกระเป๋าสองชั้น ลูกค้าสามารถตั้งค่าเปิดปิด Wallet Lock ได้ด้วยตนเอง

อีกทั้งยังมีเครื่องมือและข้อมูลที่ช่วยในการลงทุน ได้แก่ Price Alert ตั้งเตือนราคาที่ใช่ ไม่ต้องเฝ้าจอ ไม่พลาดทุกโอกาสการซื้อขาย โดยสามารถเลือกเหรียญที่ต้องการให้แจ้งเตือนได้ด้วยตนเอง และฟีเจอร์ที่จะเปิดเพิ่มในปี 67 ที่ตอบโจทย์นักลงทุนสายเทรดเหรียญ คือ Orbix Balance ระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ ทำให้รู้กำไรขาดทุนทุกเหรียญ โดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณ รวมถึงยังมีทีมให้บริการช่วยเหลือลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเช่นกัน

การทำตลาดของ Orbix จะมีกิจกรรมแบบทดสอบที่ถูกออกแบบภายใต้ธีมThe Capital of Kryptonian ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเหล่านักลงทุนหลากหลายสไตล์ ได้แก่ กลุ่ม Professional Trader คือ นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการเทรด กลุ่ม Risk Taker คือ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้เน้นรับผลตอบแทนสูงกลุ่ม Wagon Jumper คือ นักลงทุนที่เทรดตามกระแสไม่ตกเทรนด์ และกลุ่ม Crypto Evangelist คือ นักลงทุนสายลงทุนระยะยาวที่มีความเชื่อมั่นในคริปโทฯ ผู้ที่ได้ทำแบบทดสอบแล้ว จะได้ทราบสไตล์การลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง พร้อมทั้งได้รับรูป Profile ที่แตกต่างกันไปตามสไตล์การลงทุนกว่า 32 รูปแบบ ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบจาก 4 ศิลปิน NFT ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ

ขณะเดียวกันยังมีการแนะนำคนรู้จักรอบๆตัวที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่าน Kryptonian Referral Program โดยผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำ จะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายดิจิทัลโทเคนตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด และในเร็วๆนี้ Orbix เตรียมเปิดตัว OBX reward point เพื่อให้ชาว Kryptonian หรือผู้ที่สนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลจะได้สะสม Point จากกิจกรรมต่างๆ เพื่อนำมาแลกรับสิทธิพิเศษและของสมนาคุณหลากหลายรูปแบบได้ และได้จัดเตรียมแคมเปญสุดพิเศษ 2 ต่อให้ผู้ที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ orbix “The Capital of Kryptonian”

 

Q2/67 เปิดตัว orbix invest/เตรียมขอไลเซ่นส์โบรกฯ-คัสโตเดียนดิจิทัล

 

นายกรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวว่า ธนาคารและ Orbix เน้นย้ำเรื่องมาตรฐานการให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ผู้ใช้บริการที่ต้องดีเทียบเท่ากับการให้บริการธนาคาร มีความโปร่งใส และปลอดภัย ควบคู่ไปกับการใช้งานง่าย เพื่อทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ

ขณะเดียวกัน ยังจะเดินหน้าธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกเหนือจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยที่ในช่วงไตรมาส 2/67 จะเปิดตัว Orbix invest หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. เมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทสามารถให้บริการลูกค้าอีกกลุ่มที่ต้องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านบริษัทจัดการสินทรัพย์ (บลจ.)

นอกจากนี้ ยังคงมีการเดินหน้าพัฒนาเชน Quarix Chain เพื่อรองรับการให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งทางกลุ่ม KBANK และ Orbix จะมุ่งสนับสนุนการขับเคลื่อนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทโทเคนเพื่อการลงทุน (Investment Token) ออกมามากขึ้น พร้อมกับขอใบอนุญาตสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ได้แก่ การประกอบธุรกิจผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (Custodian) และ นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Broker) ที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องสภาพคล่องให้กับ Orbix ซึ่งการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความหลากหลาย และครบวงจร

 

มองปี 67 ตลาดคริปโทคึกคักหลังราคา Bitcoin ทะยานทำนิวไฮ

 

ด้านมุมมองตลาดคริปโทฯและสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 67 นายชาญวิทย์ กล่าวว่า เป็นปีที่มีความคึกคัก และทำให้ราคาแหรียญปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวกที่เริ่มมาจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ อนุมัติ Bitcoin ETF ทั้งสิ้น 11 กองราว 1 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เม็ดเงินจากสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อีกทั้งในเดือนเม.ย.นี้ จะเข้าสู่ช่วง Bitcoin Halving รวมถึงความเป็นไปได้ที่ ก.ล.ต. สหรัฐ จะอนุมัติ Ethereum ETF ในช่วงไตรมาส 2/67

ส่วนปัจจัยบวกในประเทศมาจากการที่ภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแลมีมาตรการและนโยบายที่ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาค (Digital Asset Hub) ได้แก่ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer) ที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย และ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์ให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษและนักลงทุนสถาบัน สามารถลงทุนใน Bitcoin ETF ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้

“ปัจจัยบวกต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นแรงส่งให้ราคาของ Bitcoin ขึ้นสู่ราคาสูงสุดใหม่ที่ 73,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.6 ล้านบาท ดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ รวมถึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆเข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายชาญวิทย์ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มี.ค. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top