สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันพุธ (1 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังมีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอาจจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 3.58% ปิดที่ 79.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2.89 ดอลลาร์ หรือ 3.35% ปิดที่ 83.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์หรือนับตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2567 หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 เม.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 344,000 บาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 732,000 บาร์เรล
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสอาจจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงหลังจากสหรัฐและอียิปต์พยายามผลักดันให้มีการเจรจารอบใหม่ โดยอิสราเอลส่งคณะผู้แทนไปยังกรุงไคโรของอียิปต์ เพื่อเจรจากับกลุ่มฮามาสเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงรอบใหม่ที่มีจุดประสงค์เพื่อปล่อยตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซา
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% หลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้เน้นย้ำถึงความกังวลว่าข้อมูลที่มีการเปิดเผยนับตั้งแต่ต้นปี 2567 นั้น ไม่ได้ทำให้เฟดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 67)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน