เงินบาทเปิด 36.64 แข็งค่าเล็กน้อย คาดวอลุ่มเบาบาง ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.64 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่า เล็กน้อยจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 36.68 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับวันนี้ตลาดสหรัฐฯ และอังกฤษปิดทำการ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญจะออกมาช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างประเทศค่อนข้างเบาบาง

“บาทขยับแข็งค่าเล็กน้อยจากเมื่อวันศุกร์ ตลาดค่อนข้างเงียบ วันนี้ปริมาณธุรกรรมอาจเบาบาง”

นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.55 – 36.75 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 156.85 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 157.00/03 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0847 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0827/0830 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.716 บาท/ดอลลาร์

– นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดแรก คาดจะมีการหารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังตัวเลข ภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.5% ซึ่งมองว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ ภาวะการท่องเที่ยวมีอัตราการเติบโตที่ดี

– ททท.เดินหน้าภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand, Your stories never end สร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในต่าง ประเทศ ดึงดูดให้ชาวต่างชาติเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ในประเทศไทย

– แบงก์ชาติ” รับหนี้เสียบ้านพุ่ง ส่งผลแบงก์ปล่อยกู้บ้านต่ำ 5 ล้านบาทดิ่ง เหตุแบงก์เข้มความเสี่ยงจากความกังวล ด้าน คุณภาพหนี้ผู้กู้ “ซีไอเอ็มบีไทย” ชี้แบงก์หันมา “แข่งขัน” ปล่อยสินเชื่อกลุ่มตลาดบน ส่งผลให้เห็นการแข่งขันด้าน “ดอกเบี้ย” รุนแรง “เค เคพี-ไทยพาณิชย์” รับปรับกลยุทธ์ปล่อยกู้บ้านเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป หวังลดเสี่ยงเกิดหนี้เสีย

– กรมควบคุมโรคแนะเฝ้าระวังไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ระบาด หลังสหรัฐเจอผู้ป่วยรายที่ 2 คาดสัมผัสสิ่งคัดหลั่งของโคนม ในฟาร์มรัฐมิชิแกน

– ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นพร้อมที่จะดำเนินการที่เหมาะ สมในตลาดทุกเวลา เพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวที่มากเกินไปของค่าเงินเยน โดยออกคำเตือนเกี่ยวกับโอกาสที่จะมีการแทรกแซงอัตรา แลกเปลี่ยนครั้งใหม่

– ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลง 8.1 สู่ระดับ 69.1 ใน เดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 67.4 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 76.0 จากระดับ 77.2 ในเดือนเม.ย. ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจจะเพิ่มขึ้น 3.3% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ลดลงจาก การสำรวจก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.5%

– ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวใน ปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ย.

– สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะสั่งเก็บภาษีสินค้าหลายร้อยรายการที่นำ เข้าจากประเทศจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเก็บภาษีในภาคธุรกิจที่สำคัญ และเพื่อปกป้องภาคการผลิตของสหรัฐ

– นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสหรัฐเปิดผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนเม.ย.ใน วันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยดัชนี PCE ถือ เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญเนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและ บริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

– ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. รายงาน Beige Book ของเฟด ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 (Second Estimate) ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อ ที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือนเม.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top