การประชันวิสัยทัศน์ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต กับโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย (11 ก.ย.) ได้ล่วงเลยเข้าสู่ครึ่งหลังแล้วในขณะนี้ โดยการดีเบตครั้งนี้จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์เอบีซี (ABC) ดำเนินรายการโดยเดวิด มูเยอร์ และลินซีย์ เดวิส สองผู้ประกาศข่าวมากประสบการณ์ และจะใช้เวลาในการดีเบตประมาณ 90 นาที
*แฮร์ริสฉะทรัมป์ทำอเมริกาถอยหลังสู่อดีต แต่เธอจะไม่ทำ
หลังจากการหยุดพักครึ่งแรก แฮร์ริสเปิดฉากการดีเบตช่วงครึ่งหลังด้วยการโจมตีทรัมป์ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์พยายามพาเราถอยหลังกลับไปสู่อดีต แต่เราจะไม่ถอยหลังกลับไป”
แฮร์ริสได้เน้นย้ำวาระสำคัญของเธอเกี่ยวกับการทำแท้ง การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและครอบครัวชนชั้นกลาง โดยกล่าวว่า “ดิฉันตั้งใจจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับชาวอเมริกันทุกคน”
ขณะที่ทรัมป์พูดเหน็บแฮร์ริสว่า “เธอเพิ่งเริ่มต้นด้วยการพูดว่าเธอจะทำสิ่งนี้ จะทำสิ่งนั้น เธอจะทำสิ่งที่วิเศษมากมายเหล่านี้ แล้วทำไมเธอถึงยังไม่ได้ทำล่ะ? เธออยู่ตำแหน่งนี้มา 3 ปีครึ่งแล้ว”
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า “เราเป็นประเทศที่กำลังล้มเหลว เราเป็นประเทศที่กำลังถดถอยอย่างรุนแรง เรากำลังถูกหัวเราะเยาะจากทั่วโลก”
*ทรัมป์นำเสนอ “แนวคิด” สำหรับแผนด้านสาธารณสุข แฮร์ริสสวนกลับ “สาธารณสุขเป็นสิทธิของทุกคน”
เมื่อผู้ดำเนินรายการชูประเด็นด้านสาธารณสุข ทรัมป์กล่าวว่าแผนประกันสุขภาพที่รู้จักกันในชื่อ “โอบามาแคร์ (Obamacare) นั้น “ไม่มีทางที่จะเป็นโครงการที่ยอดเยี่ยมได้”
ทรัมป์กล่าวว่า “สิ่งที่เราจะทำคือ เราจะพิจารณาแผนต่าง ๆ ถ้าเราสามารถคิดแผนที่จะทำให้ประชาชนของเราเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงและได้การดูแลสุขภาพที่ดีกว่าโอบามาแคร์ ผมก็จะทำอย่างแน่นอน แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมก็จะบริหารโครงการสาธารณสุขให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เมื่อถูกผู้ดำเนินรายการกดดันให้ตอบว่าเขามีแผนทางเลือกของตัวเอง “ใช่ หรือไม่” ทรัมป์กล่าวว่า “ผมมีแนวคิดเกี่ยวกับแผน แต่ผมไม่ใช่ประธานาธิบดีในตอนนี้”
ด้านแฮร์ริสกล่าวว่า การเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพควรเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ใช่แค่สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่มีกำลังจ่ายเท่านั้น
*แฮร์ริสสยบอีโก้ทรัมป์ เหน็บแรง “เขาถูกประชาชน 81 ล้านคนไล่ออก”
ในระหว่างการดีเบต แฮร์ริสพยายามสยบท่าทีที่เชื่อมั่นตัวเองมากเกินไปของทรัมป์ โดยหลังจากที่ทรัมป์กล่าวถึงทฤษฎีสมคบคิดอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการที่เขาแพ้เลือกตั้งในปี 2563 แล้ว แฮร์ริสกล่าวว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกประชาชน 81 ล้านคนไล่ออก”
“เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับเรื่องนี้ได้ยาก” แฮร์ริสกล่าวอย่างประชดประชัน และกล่าวต่อไปว่า “ดิฉันจะบอกคุณว่าดิฉันได้เดินทางไปทั่วโลกในฐานะรองประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และผู้นำโลกต่างหัวเราะเยาะโดนัลด์ ทรัมป์”
“ดิฉันได้พูดคุยกับผู้นำทางทหาร ซึ่งบางคนเคยทำงานกับคุณ และพวกเขาบอกว่าคุณเป็นความอัปยศ” แฮร์ริสกล่าว
“การที่ทรัมป์ปฏิเสธความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง และความพยายามหลายครั้งของเขาที่จะโต้แย้งความพ่ายแพ้นั้นในศาล ทำให้เชื่อได้ว่าบางทีคนเราอาจจะไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมองเห็นความจริงอย่างชัดเจน ดังเช่นแคนดิเดตที่อยู่ทางด้านขวามือของดิฉัน” เธอกล่าว
*แฮร์ริสฉวยโอกาสสอยทรัมป์เรื่องคดีอาญา
แฮร์ริสโจมตีคดีอาญาของทรัมป์โดยตรงในระหว่างการดีเบตที่ดำเนินไปอย่างดุเดือด
“ช่างกล้าที่คำพูดเหล่านี้มาจากปากของคนที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาอาชญากรรมความมั่นคงของชาติ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ การแทรกแซงการเลือกตั้ง ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศ และการขึ้นศาลครั้งใหญ่ครั้งต่อไปของเขาคือในเดือนพ.ย.” แฮร์ริสกล่าว
ในจังหวะนี้เอง ทรัมป์พยายามบิดเบือนความจริงโดยบอกว่าคดีความทางกฎหมายล่าสุดของเขานั้นมีเป้าหมายเพื่อโจมตีเขาโดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
“ขอโทษนะ ทุกคดีที่ว่ามานี้ มันเริ่มโดยคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับผม เพื่อต่อต้านคู่แข่งทางการเมืองของพวกเขา” ทรัมป์กล่าว
*ทรัมป์ย้ำประเด็นทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับผู้อพยพ
ทรัมป์ได้พูดย้ำถึงทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับผู้อพยพที่ขโมยและกินสัตว์เลี้ยงของประชาชน ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง
“ในเมืองสปริงฟิลด์ ผู้อพยพพวกนี้กินเนื้อสุนัข คนพวกนี้ที่เข้ามาในประเทศของเรากินเนื้อแมว พวกเขากินสัตว์เลี้ยงของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น” ทรัมป์กล่าว
ขณะที่เดวิด มูเยอร์ ผู้ดำเนินรายการของเอบีซีนิวส์พยายามแก้ไขคำกล่าวอ้างของทรัมป์ โดยอ้างถึงเจ้าหน้าที่เมืองสปริงฟิลด์ ในรัฐโอไฮโอ ที่ระบุว่าไม่มีรายงานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเฉพาะเจาะจงว่าสัตว์เลี้ยงถูกทำร้าย บาดเจ็บ หรือถูกทารุณกรรมโดยบุคคลในชุมชนผู้อพยพ
แต่ทรัมป์ยังกล่าวปกป้องข้อกล่าวหาของเขา โดยชี้ไปที่การสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ที่เขาได้ดู และกล่าวว่า “คนที่ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์บอกว่าสุนัขของพวกเขาถูกจับไปและถูกนำไปเป็นอาหาร”
*ทรัมป์ vs แฮร์ริส โต้เดือดประเด็นอิสราเอล
แฮร์ริสเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา และย้ำถึงการสนับสนุนของเธอที่มีต่อ “สิทธิในการป้องกันตัวเอง” ของอิสราเอล
แฮร์ริสกล่าวว่าเธอสนับสนุน “แนวทางสองรัฐ (two-state solution) ที่ซึ่งเราสามารถสร้างกาซาขึ้นใหม่ ที่ซึ่งชาวปาเลสไตน์มีความปลอดภัย สามารถกำหนดชะตากรรมของตนเอง และมีศักดิ์ศรีที่พวกเขาสมควรได้รับอย่างชอบธรรม”
ขณะที่ทรัมป์โต้กลับ โดยอ้างว่าแฮร์ริสเกลียดทั้งอิสราเอลและประชากรอาหรับในเวลาเดียวกัน
“ถ้าเธอก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ผมเชื่อว่าอิสราเอลจะหายไปภายในสองปีนับจากนี้ ผมเป็นคนที่ทำนายค่อนข้างแม่น และผมเองก็อยากจะทำนายผิดในเรื่องนี้” ทรัมป์กล่าว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์ม Truth Social โดยเรียกตัวเองว่าเป็น “เพื่อนที่ดีที่สุดที่อิสราเอลและชาวยิวเคยมี” แต่เขาก็เคยเหยียดเชื้อชาติยิวด้วยการกล่าวโจมตีจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย และเอมฮอฟฟ์ สามีของแฮร์ริส ซึ่งทั้งคู่เป็นชาวยิวและเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต
ทางด้านแฮร์ริสนั้น แม้จะมีคำพูดเชิงวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล และวิกฤตมนุษยธรรมในกาซามากกว่าประธานาธิบดีไบเดน แต่เธอก็ยังคงแสดงออกถึงการสนับสนุนอิสราเอลอย่างแน่วแน่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 67)
Tags: คามาลา แฮร์ริส, สหรัฐ, เลือกตั้งสหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์