ส่งออกไทยครึ่งปีหลังอ่วมแน่! หากสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้น Reciprocal Tariff

Krungthai COMPASS ระบุว่า แม้การส่งออกของไทยเดือน เม.ย. 68 จะขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลง สะท้อนปัจจัยบวกจากการเร่งนำเข้าเริ่มแผ่วลง โดยมูลค่าการส่งออกเดือนเม.ย. ที่ขยายตัว 10.2% (YoY) ถือเป็นการเติบโตที่ช้าลงเป็นครั้งแรกใน 5 เดือน และหากเทียบมูลค่ารายเดือนแล้ว จะหดตัว 13.3% (MoM) ติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค.68 บ่งชี้ถึงการเร่งนำเข้าของประเทศคู่ค้าที่เริ่มอ่อนแรงลง ก่อนหมดระยะพักการขึ้น Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ

ล่าสุดในเดือน พ.ค.68 จีนและสหรัฐฯ ได้เจรจาทางการค้า และบรรลุเงื่อนไขที่สหรัฐฯ ลดภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับจีนลงเหลือ 30% จาก 145% เป็นเวลา 90 วัน (สิ้นสุด ส.ค.68) ขณะที่ไทยเฝ้ารอเข้าเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งหากไทยเจรจาประสบผลสำเร็จ และอัตราภาษีใหม่ต่ำกว่า 36% จะช่วยลดความเสี่ยงที่สินค้าจีนจะแทนที่การส่งออกไทย เนื่องจากอัตราภาษีที่จีนถูกเก็บในตอนนี้ ต่ำกว่าที่ไทยจะถูกเก็บในเดือน ก.ค.68

Krungthai COMPASS คาดว่าการส่งออกไทยช่วงครึ่งหลังของปี 68 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันการขึ้น Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ จะได้เห็นผลกระทบต่อไทยชัดเจนขึ้น ทั้งผลทางตรงจากอัตราภาษี ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่จะสูงกว่าภาษี Universal Tariff 10% ผลจากส่วนต่างภาษี หากไทยถูกเก็บในอัตราสูงกว่าประเทศส่งออกอื่น และผลทางอ้อมจากการค้าโลกที่แย่ลง เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอ่อนแรง รวมถึงการทะลักเข้ามาของสินค้าจีน

อนึ่ง กระทรวงพาณิชย์ รายงานมูลค่าการส่งออกเดือนเม.ย.68 เติบโต 10.2% (YoY) ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 17.8% (YoY) โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สวนทางกับสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร ที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่การส่งออกไปตลาดหลักต่างขยายตัว ด้านการนำเข้าเร่งตัวสูงจากเดือนมี.ค. มาอยู่ที่ 16.1% (YoY) ทำให้ดุลการค้ากลับมาขาดดุลที่ 3,321.3 ล้านดอลลาร์ฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top