มองมุมต่าง: ห้ามกลุ่ม HFT เทรดหุ้นนอก SET100 ลดความผันผวนตลาดหุ้น

การจำกัดกรอบความผันผวนของตลาดหุ้น จากมาตรการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ออกมากำหนดวงหรือปริมาณหุ้นที่ผู้ลงทุนกลุ่ม High Frequency Trading (HFT) ให้อยู่เฉพาะหุ้นในดัชนี SET100 และหุ้นอ้างอิงของ DW-Single Stock Futures ที่อยู่ในดัชนี SET100 หรือแม้แต่หุ้นอ้างอิงที่ถูกออกจากดัชนี SET100 จนกว่า DW จะหมดอายุ หรือ Single Stock Futures ไม่ได้ซื้อขายอยู่ใน TFEX แล้ว

ถือเป็นการออกมาตรการที่จะออกมาใช้แก้ไขปัญหาเรื่องของมุมมองของผู้ลงทุน ที่มองว่ากลุ่ม HFT คือตัวปัญหาที่ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนของราคาหุ้น

โดยการจำกัดวงที่กลุ่ม HFT จะสามารถเข้าไปลงทุนในหุ้นและตราสารอนุพันธ์ได้เพียงแค่ 100 ตัว บวกด้วยตราสารอนุพันธ์ที่ใช้อ้างอิงหุ้นเหล่านี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมดเกือบ 900 ตัวนั้น

ถือเป็นการปรับปรุงเกณฑ์เพื่อป้องกันความผันผวนของตลาดหุ้น และยังคงเกณฑ์ที่เป็นไปตามหลักสากลอยู่ เนื่องจาก HFT ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี ของการเสริมสภาพคล่อง เพื่อดึงดูด fund flow จากทั่วโลก โดยประโยชน์ของ HTF มีดังนี้

1. เพิ่มสภาพคล่องทำให้หุ้นมี bid-offer สามารถซื้อง่าย ขายคล่อง ดึงดูดนักลงทุนสถาบันทั่วโลก

2. ลด bid-offer spread ของหุ้น ทำให้ต้นทุนการซื้อขายหุ้นถูกลง กล่าวคือ ทำให้ส่วนต่างของราคาเสนอซื้อ กับราคาเสนอขายแคบลง เนื่องจากมี bid-offer เติมเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เวลาเคาะซื้อหรือเคาะขาย จะได้ราคาที่ดีกว่าการเคาะข้าม spread

3. ทำหน้าที่เป็น Market Maker หรือผู้ดูแลสภาพคล่อง ทำให้นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าเวลาต้องการซื้อ จะมี offer ให้ซื้อ หรือเวลาต้องการขาย จะมี bid รอรับการขายของนักลงทุนทุกกลุ่ม

4. เพิ่มประสิทธิภาพของตลาด (market efficiency) ทำให้ราคาหุ้น หรือตราสารอนุพันธ์ซื้อขายในราคาที่เหมาะสม ลดการปั่นหุ้น

กล่าวคือ ตลาดที่มี efficiency สูง จะทำให้ตลาดมีกลไกในการแก้ไขการส่งราคาหุ้นผิด (mispricing)

หากมีใครต้องการดันราคาหุ้นตัวใดตัวนึงให้ราคาสูงว่าที่มันควรเป็น กลยุทธ์ HFT หรือ algo trade ทั้งหลายในตลาดจะเห็นว่าหุ้นขึ้นมาซื้อขายในราคาที่สูงเกินจริง ระบบก็จะขายหุ้นตัวนั้นออกไป

กล่าวคือ การมี HFT ทำให้การปั่นหุ้นด้วยmanual หรือส่งคำสั่งผ่านมาร์เก็ตติ้ง ทำได้ยากขึ้น เพราะ HFT จะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่สำหรับพวกเขา

ส่วนความกังวลว่า HFT จะปั่นหุ้นเองนั้น คงไม่ต้องกังวล เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีเงื่อนไขห้าม HFT เคาะซื้อ-ขายหุ้นด้วยความถี่ที่เกิน 5% ต่อ 1 Strategy ของวอลุ่มเทรดในหุ้นรายตัวในวันนั้น

อย่างไรก็ตาม การกำกับดูแลระดับความผันผวนของหุ้นขนาดกลางและเล็กที่อาจไม่มีสภาพคล่องในการซื้อขายอย่างเพียงพอ การคงให้กลุ่ม HFT สามารถซื้อขายได้เฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง ถือเป็นแนวทางที่ปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์

นอกเหนือจากการปรับปรุงเกณฑ์กลุ่ม HFT ที่จะสามารถซื้อขายได้เฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่จะเริ่มใช้วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นั้น

ก่อนหน้านี้ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการปรับปรุงเกณฑ์การขายชอร์ต (Short selling) ให้อยู่ในวงของหุ้นกลุ่ม SET100 ด้วยเช่นกัน รวมถึงยังคงมาตรการการใช้เกณฑ์ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) กำกับควบคู่ไปด้วย

การปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าว ถือเป็นมาตรการกำกับดูแลความผันผวนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีจำนวนมาก

เท่ากับว่า ตอนนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับปรุง 2 มาตรการ ทั้งห้ามการขายชอร์ต และห้ามกลุ่ม HFT เล่นหุ้นที่อยู่นอก SET100 รวมถึงตราสารอนุพันธ์อ้างอิงกลุ่ม SET100 เพื่อป้องกันความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่มีอยู่ประมาณ 700-800 ตัว

ภายหลังจากมาตรการที่ถูกปรับปรุงนี้นำมาใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ 7 กรกฎาคม 2568 นี้ น่าจะได้เห็นความผันผวนที่ลดลงในหุ้นขนาดกลางและเล็ก

สามารถดูรายละเอียดเกณฑ์ HFT ที่ปรับปรุงได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th ภายใต้หัวข้อ “กฎเกณฑ์/การกำกับ” และ “กฎเกณฑ์ – หนังสือเวียนส่วนที่เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์” เรื่อง “การกำหนดหลักทรัพย์ที่ให้ผู้ลงทุนกลุ่ม High-Frequency Trading (HFT) สามารถซื้อได้”

ธิติ ภัทรยลรดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มิ.ย. 68)

Tags: , , ,
Back to Top