
ตลาดการเงินทั่วโลกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ เมื่อกองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีดินแดนอิหร่านภายใต้ปฏิบัติการที่ชื่อว่า “สิงโตผงาด” (Operation Rising Lion) โดยเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกแถลงการณ์ว่า กองทัพอิสราเอลใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่เพื่อถล่มโครงการนิวเคลียร์และฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่านในช่วงเช้านี้ พร้อมยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน โดยมีเป้าหมายเพื่อขจัดภัยคุกคามเหล่านี้
ทางด้านอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลได้ประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นกรณีพิเศษ” เนื่องมาจากการที่อิสราเอล “โจมตีอิหร่านแบบชิงลงมือก่อน” ขณะเดียวกันอิสราเอลก็เตรียมรับมือกับการตอบโต้จากอิหร่านด้วยขีปนาวุธและโดรนด้วย
การที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านอย่างไม่คาดคิดในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะทวีความรุนแรงและเสี่ยงที่จะจุดชนวนให้เกิดสงครามเป็นวงกว้างขึ้นในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่การเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านยังไม่มีความชัดเจน
* ราคาน้ำมัน-ทองคำพุ่ง, ดาวโจนส์ฟิวเจอร์-บิตคอยน์ดิ่งเหว ผวาวิกฤตตะวันออกกลางบานปลาย
ปฏิบัติการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ซึ่งถือเป็น “ยุทธศาสตร์สำคัญ” ที่อิหร่านหมายมั่นจะพัฒนาให้มีความก้าวหน้าจนนำไปสู่การเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์นั้น ถือเป็นการเติมเชื้อไฟในตะวันออกกลางให้ลุกโชน นอกจากนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 600 จุด และราคาบิตคอยน์ดิ่งลง 3,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 3% ไม่นานหลังมีข่าวอิสราเอลโจมตีอิหร่าน
นักวิเคราะห์จากบริษัทออร์บิต มาร์เก็ตส์ (Orbit Markets) กล่าว คริปโทเคอร์เรนซีมีปฏิกิริยาเชิงลบต่อข่าวอิสราเอลโจมตีอิหร่าน เช่นเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่น ๆ พร้อมกับคาดการณ์ว่า แนวรับทางเทคนิคของบิตคอยน์จะอยู่ที่ 101,000 ดอลลาร์ แต่หากสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์มีความตึงเครียดมากขึ้นก็อาจจะส่งผลให้มีแนวโน้มการปรับตัวลงจากระดับดังกล่าวในระยะสั้นนี้
ด้านราคาทองคำพุ่งแรงกว่า 60 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนทุบขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันมาทุ่มซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 13% ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า การที่อิสราเอลโจมตีอิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) นั้น อาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกตกอยู่ในภาวะชะงักงัน โดยอิหร่านสามารถผลิตน้ำมันได้ 3.3 ล้านบาร์เรล/วัน หรือประมาณ 3% ของการผลิตทั่วโลก
หน่วยงานทางทะเลของสหราชอาณาจักรเตือนว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางอาจทำให้การเผชิญหน้าทางทหารทวีความรุนแรงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในเส้นทางที่สำคัญ
นักวิเคราะห์จากบริษัทโกลบอล ริสก์ แมเนจเมนต์ (Global Risk Management) กล่าวว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ หากอิหร่านตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมันทั่วโลกมากถึง 20% ขณะที่เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 120-130 ดอลลาร์/บาร์เรล หากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ
* ผวาอิหร่านเอาคืน หลังผู้บัญชาการทหารถูกปลิดชีพในปฏิบัติการ “สิงโตผงาด”
ปฏิบัติการถล่มอิหร่านแบบสายฟ้าแลบในช่วงเช้าวันนี้นอกจากจะมีเป้าหมายถล่มโครงการนิวเคลียร์และฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่านแล้ว กองทัพอิสราเอลยังมีจุดมุ่งหมายที่จะเด็ดหัวผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของอิหร่านด้วย และอิสราเอลก็ไม่ผิดหวัง เมื่อสื่อของรัฐบาลอิหร่านยืนยันว่า ฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolutionary Guard Corps) ,โกแลม-อาลี ราชิด ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางกาตัม อัล-อันบียาของอิหร่าน (Khatam al-Anbiya Central Headquarters) และโมฮัมหมัด ฮอสเซน บาเกรี เสนาธิการทหารสูงสุดของกองทัพอิหร่าน เสียชีวิตจากการถูกถล่มในวันนี้
หลังจากมีการยืนยันถึงการเสียชีวิตของผู้บัญชาการระดับสูง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอิหร่านเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อิหร่านจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลอย่างรุนแรงและเด็ดขาด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงกำลังหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดที่จะใช้ตอบโต้
* อิสราเอลไม่สนคำเตือนทรัมป์ ลุยเดี่ยวโจมตีอิหร่านโดยไม่พึ่งกำลังสหรัฐฯ
ที่ผ่านมานั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เรียกร้องอิสราเอลไม่ให้โจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านหลายต่อหลายครั้ง แต่เนทันยาฮูไม่ฟังคำทัดทานและตัดสินใจเดินหน้าโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และบรรดาชาติพันธมิตรต่างก็วิตกกังวล
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ทรัมป์เพิ่งบอกกับผู้สื่อข่าวว่า การโจมตีอิหร่านจะไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และสหรัฐฯ ยังคงเชื่อมั่นว่า ข้อพิพาทระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะสามารถแก้ไขด้วยวิธีทางการทูต ขณะที่เนทันยาฮูมองว่าเรื่องนี้ไม่มีความเป็นไปได้
หลังจากที่การโจมตีเกิดขึ้นไม่นาน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการของอิสราเอล พร้อมกับเตือนอิหร่านไม่ให้ตอบโต้ผลประโยชน์หรือบุคลากรของอเมริกา
“อิสราเอลได้แจ้งกับเราว่า พวกเขาเชื่อว่า การกระทำนี้จำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง” รูบิโอกล่าว
* ทำไมอิสราเอลและอิหร่านจึงเป็นศัตรูกัน
อิสราเอลและอิหร่านเคยเป็นพันธมิตรกันตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 ในสมัยของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี กษัตริย์องค์สุดท้ายของอิหร่าน แต่มิตรภาพได้สิ้นสุดลงอย่างฉับพลันหลังเกิดปฏิวัติอิสลามในอิหร่านในปี 2522 โดยผู้นำคนใหม่ของอิหร่านเรียกร้องให้ทำลายล้างอิสราเอล โดยประณามอิสราเอลว่าเป็นมหาอำนาจจักรวรรดินิยมในตะวันออกกลาง
ขณะเดียวกันอิหร่านได้ให้การสนับสนุนกลุ่มที่ต่อสู้กับอิสราเอล โดยเฉพาะกลุ่มฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และกลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งทั้งหมดนี้สหรัฐฯ ถือว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย
อิสราเอลมองว่าความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะมีอาวุธนิวเคลียร์ถือเป็นความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของอิสราเอล โดยเจ้าหน้าที่อิสราเอลได้กล่าวเป็นนัยครั้งแล้วครั้งเล่าว่า หากอิหร่านเข้าใกล้ขีดความสามารถในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ กองทัพอิสราเอลก็จะโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยใช้ปฏิบัติการทางอากาศ เช่นเดียวกับที่เคยโจมตีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในอิรักเมื่อปี 2524 และฐานนิวเคลียร์ในซีเรียเมื่อปี 2550
* เทียบแสนยานุภาพทางทหาร อิสราเอล vs อิหร่าน
กองกำลังทหารของอิสราเอลมีข้อได้เปรียบทางด้านเทคโนโลยีอย่างมากเมื่อเทียบกับอิหร่าน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนทางการทหารและการเงินจากสหรัฐฯ ซึ่งยืนเคียงข้างอิสราเอลมาเนิ่นนานเพื่อให้แน่ใจว่าอิสราเอลมีความได้เปรียบและถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคงให้กับอิสราเอล โดยนับจนถึงขณะนี้ อิสราเอลถือเป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่สามารถซื้อ F-35 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่แบบล่องหน (stealth fighter jet) ของบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ซึ่งเป็นระบบอาวุธที่มีราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
ในขณะเดียวกัน อิหร่านถูกสงสัยมานานว่ามีความตั้งใจที่จะใช้โครงการพลังงานนิวเคลียร์ของตนเพื่อสร้างอาวุธปรมาณู ซึ่งอิหร่านได้ปฏิเสธมาโดยตลอด
รายงานระบุว่า การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่านกำลังเพิ่มขึ้นและสามารถเสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้บริสุทธิ์ได้ถึงระดับ 90% ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ หากผู้นำอิหร่านเลือกที่จะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม การที่อิหร่านจะสามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลได้นั้น อิหร่านเองจะต้องมีความเชี่ยวชาญในกระบวนการแปรรูปเชื้อเพลิงให้เป็นอาวุธเพื่อผลิตอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริง
แม้จะมีความเสียเปรียบทางด้านเทคโนโลยี แต่เชื่อกันว่ากองทัพของอิหร่านมีคลังขีปนาวุธและขีปนาวุธร่อนจำนวนมาก รวมถึงโดรนราคาถูกที่ใช้ในการโจมตีอิสราเอลในปี 2567
นอกจากนี้ ข้อมูลของหน่วยข่าวกรองกลาโหมของสหรัฐฯ ระบุว่า อิหร่านมีความสามารถในการปฏิบัติการทางไซเบอร์ได้หลากหลาย ตั้งแต่ปฏิบัติการด้านข้อมูลไปจนถึงการโจมตีทำลายเครือข่ายของรัฐบาลและเครือข่ายเชิงพาณิชย์ทั่วโลก
* จับตาประชุมนิวเคลียร์อิหร่าน – สหรัฐฯ ที่โอมานวันอาทิตย์นี้
เหตุการณ์โจมตีอิหร่านในวันนี้ อาจกล่าวได้ว่าอิสราเอลชิงลงมือก่อนที่จะรู้ผลการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ที่ประเทศโอมานในวันอาทิตย์นี้ โดยสายตาทั่วโลกต่างก็จับจ้องไปที่ผลการเจรจาว่าจะออกมาเช่นไร
ทางการโอมานประกาศว่า การเจรจาว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์รอบที่ 6 ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ มีกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย.นี้ที่กรุงมัสกัต โดยสตีฟ วิตคอฟฟ์ ตัวแทนพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเข้าร่วมเจรจากับเจ้าหน้าที่ของอิหร่าน
ขณะนี้ ยังคงไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ขณะที่ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมให้อิหร่านเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ส่วนอิหร่านยืนกรานว่าจะเดินหน้าโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมต่อไปภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 68)
Tags: SCOOP, Spotlight, ตะวันออกกลาง, อิสราเอล, อิหร่าน