ศูนย์วิจัยกสิกร คาดรายได้ธุรกิจสนามบินไทยปี 68 โตชะลอฝ่าความท้าทายนักท่องเที่ยวหด-เศรษฐกิจซบ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจสนามบินไทย โดยคาดว่าภาพรวมในปี 68 จะมีรายได้อยู่ที่ราว 80,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% จากปี 67 เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมธุรกิจสนามบินมีความท้าทายสูง

รายได้ของธุรกิจสนามบิน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) อาทิ ค่าบริการผู้โดยสารขาออกเส้นทางระหว่างประเทศและภายในประเทศ (Passenger Service Charge: PSC) และค่าบริการสนามบิน

2. รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non- Aeronautical Revenue) อาทิ ค่าเช่าพื้นที่ รายได้จากสัมปทาน และค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าสาธารณูปโภค ค่าบริการเคาน์เตอร์เช็คอินและบริการภายในสนามบิน เป็นต้น

โดยสัดส่วนโครงสร้างรายได้ขึ้นอยู่กับขนาดของสนามบิน กรณีสนามบินขนาดเล็ก รายได้ส่วนใหญ่ หรือ มากกว่า 80% มาจากรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน ขณะที่หากเป็นสนามบินขนาดใหญ่ รายได้ของทั้ง 2 กลุ่ม จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน

ในปี 68 ปัจจัยแวดล้อมธุรกิจสนามบินมีความท้าทายสูง ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้ของธุรกิจสนามบินในไทยชะลอตัว สำหรับปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อรายได้ของธุรกิจสนามบิน ได้แก่

1. รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) มองว่า รายได้ในกลุ่มนี้น่าจะยังสะท้อนภาพบวกได้เล็กน้อย โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก

– ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้สนามบิน (รวมชาวไทยและต่างชาติทั้งเดินทางในประเทศและระหว่างประเทศ) คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 145.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.4% แต่ชะลอจากปี 67 ที่โต 15% ปัจจัยบวกมาจากการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศและในประเทศของชาวไทย การเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ และในปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานระดับนานาชาติหลายรายการอย่างการจัดการ 3 แข่งขันกีฬาซีเกมส์-อาเซียนเกมส์และการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์ โลก 2025

อย่างไรก็ดี การชะลอลงของจำนวนผู้โดยสารมีสาเหตุสำคัญมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 68 คาดว่าจะลดลง 2.8% จากปีก่อน ส่งผลโดยตรงต่อรายได้จากค่าบริการผู้โดยสารขาออกเส้นทางระหว่างประเทศ

– ปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น จากตารางเที่ยวบินระหว่างประเทศล่วงหน้าไปถึงเดือนก.ย. 68 บ่งชี้ว่าจำนวนเที่ยวบินจากภูมิภาคต่างๆ มาไทยส่วนใหญ่ยังเติบโต ยกเว้นจากภูมิภาคอเมริกาเหนือ เป็นไปตามฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ไปข้างหน้า ปัจจัยแวดล้อมของธุรกิจมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งยังต้องขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐในการดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติสะท้อนได้จากแผนการจัดเที่ยวบินของสายการบินไปข้างหน้าที่ตอบรับความสนใจในจุดหมายปลายทางใหม่ๆ โดยเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน พบว่า เที่ยวบินระหว่างประเทศที่มีปลายทางสู่จีนเติบโต 18% (9 เดือนแรกของปี 68 เทียบ 9 เดือนแรกปี 67) ญี่ปุ่น เติบโต 16% ส่วนไทยเพิ่มขึ้นเพียง 8%

2. รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non- Aeronautical Revenue) ในปี 68 ก็ได้รับผลเกี่ยวเนื่องจากทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งรายได้ที่อาจลดลง

ความเสี่ยงของธุรกิจสนามบินในไทย

– ความเสี่ยงจากจำนวนผู้โดยสารและแผนเที่ยวบินของสายการบินที่อาจลดลงกว่าที่ประเมิน ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 50% ของรายได้ธุรกิจสนามบิน (ขึ้นอยู่กับขนาดและกิจการของสนามบิน) โดยในช่วงที่เหลือของปี 68 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่

1. เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวกระทบแผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยและคนต่างชาติปัญหาสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อในหลายประเทศรวมถึงไทย โดยเมื่อเดือนเม.ย. 68 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดเศรษฐกิจโลกปี 68 จะขยายตัว 2.8% ปรับลดจากที่คาดว่าจะเติบโต 3.3% (คาดการณ์เมื่อเดือนม.ค. 68) ขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญกับหลายปัจจัยลบ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 68 คาดว่าจะขยายตัว 1.4%

2. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสายการบินและการเดินทาง แม้เหตุการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานจะยุติและสายการบินกลับมาเปิดเส้นทางการบินได้ตามปกติแล้ว แต่สถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงสงครามรัสเซียและยูเครนยังไม่ยุติ ท ให้ประเด็นนี้จะยังส่งผลต่อแผนเส้นทางการบิน จำนวนเที่ยวบิน รวมถึงการเดินทางระหว่างประเทศ

3. การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสูง ขณะเดียวกันข่าวเชิงลบที่เกิดขึ้น 5 ต่อเนื่อง กระทบความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและประสบการณ์ในการเดินทางมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม สะท้อนจากจำนวนชาวต่างชาติเที่ยวไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 68 ชาวต่างชาติเที่ยวไทย หดตัว 0.3% (เทียบ 4 เดือนแรกปี 67) ขณะที่ญี่ปุ่น เติบโตสูงถึง 25% และเวียดนามโต 6.3% ซึ่งการลดลงของจำนวนชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยอาจส่งผลต่อรายได้ธุรกิจสนามบินในระยะข้างหน้า จึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงอย่างจริงจัง เพื่อเรียกฟื้นความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว

ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ขณะที่รายได้ยังมีความไม่แน่นอน และไปข้างหน้าการแข่งขันในธุรกิจสนามบินระหว่างภูมิภาคสูงขึ้น

– สนามบินในไทยหลายแห่งยังต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และความปลอดภัยของสนามบินให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินสากล ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนที่สูง เช่น แผนการขยายอาคารรองรับผู้โดยสารและการขยายรันเวย์เพื่อลดความแออัดในสนามบินและการให้บริการ การนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัย รวมไปถึงการลงทุนเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือ Green Airport

– การแข่งขันกับสนามบินในภูมิภาค หลายประเทศมีแผนการลงทุนพัฒนาสนามบินนานาชาติรองรับการขยายตัวของผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบิน มีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการบริหารจัดการอ นวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ เพื่อดึงสายการบินให้มาใช้บริการ หรือเลือกเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศ ซึ่งประเด็นนี้อาจน มาซึ่งการแข่งขันด้านบริการ และราคาในธุรกิจสนามบินที่สูงขึ้น และอาจมีผลต่อต้นทุน รายได้และผลกำไรในการดำเนินงาน เนื่องจากสนามบินไทยจะต้องมีการพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้ทัดเทียมกับคู่แข่ง

– ความต่อเนื่องของแผนการพัฒนาสนามบินในประเทศของภาครัฐ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อธุรกิจสนามบิน ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ทำให้การพัฒนาสนามบินอาจมีความล่าช้า กระทบการวางแผน การลงทุน และการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

– ความพร้อมของสนามบินไทยในการตรวจมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินประเทศไทย ซึ่งต้องติดตามผลการตรวจมาตรฐานด้านความปลอดภัยขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในช่วงเดือนส.ค.68

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 68)

Tags: ,
Back to Top