นายกฯ เสนอ”ฮุนมาเนต”ประชุม RBC ระดับกองทัพ ตำหนิกัมพูชาปล่อยข่าวนอกกรอบ-ไม่เป็นมืออาชีพทำป่วน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เช้าวันนี้ โดยย้ำว่าประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก (ICJ) หลังทางการกัมพูชายื่นข้อพิพาทเข้าสู่กการพิจารณา ซึ่งไทยจะตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อดำเนินการตอบโต้อย่างเป็นทางการ โดยได้ศึกษาประวัติความเป็นมาและมีข้อมูลครบถ้วนแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ส่งข้อความถึงนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเพื่อเสนอให้จัดประชุม RBC ระดับกองทัพ หลังจากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถลดความตึงเครียดระหว่างกันลงได้ และฝ่ายกัมพูชายังคงปล่อยข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นการกระทำนอกเหนือข้อตกลงและไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งสร้างปัญหาให้กับทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ ไทยพยายามพูดคุยในกรอบทวิภาคี แต่ดูเหมือนทางกัมพูชาไม่จริงใจที่จะพูดคุยในกรอบทวิภาคีนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยยอมรับในกรอบการประชุม JBC และเราต้องการสันติภาพร่วมกัน และการแถลงของกระทรวงต่างประเทศได้มีการชี้แจง ไม่ได้ติดขัดหรือมีการพลิกล็อคในกรอบเจรจา JBC

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนพยายามคุยในกรอบทวิภาคี แต่ยอมรับว่า มีการพูดคุยหลังไมค์ แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลที่อยู่นอกกรอบ และเป็นการสื่อสารที่ไม่ professional (มืออาชีพ) อยู่เรื่อย ๆ ก็ทำเกิดให้ความวุ่นวายในการจัดการ ทั้งสิ่งที่คุยกันหลังไมค์และสิ่งที่คุยกันอย่างเป็นทางการ

“ดิฉันคิดว่า การสื่อสารแบบนี้ทำให้เกิดผลลบกับทั้งสองประเทศ ข้อความที่กัมพูชาได้โพสต์ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทั้งไทยและกัมพูชาด้วย การที่จะประกาศปิดด่านใดๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา เรามีความห่วงใยทั้งเรื่องค้าขาย ส่งผลไม้ ผัก ถ้ามีการปิดด่านทั้งหมดมันกระทบแน่นอนอยู่แล้ว เราถึงไม่มีการปิดด่าน มีการปรับเวลาเข้าออกคนและสินค้า”นางสาวแพทองธาร กล่าว

ส่วนการปรับเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าประเทศไทย ไม่ได้ปิดด่านแต่อย่างใด ยังคงเปิดให้บริการอยู่แต่เป็นการปรับเวลาเปิดและปิดให้เหมาะสม กับสถานการณ์ด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์จากฝั่งกัมพูชา ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้แจ้งไปยังฝ่ายกัมพูชาว่า จะขอหารือในระดับกองทัพ เพื่อให้การบริหารจัดการ ด่านชายแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและลดผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การหารือระหว่างไทย-กัมพูชา จะดำเนินต่อไปภายใต้กรอบ JBC และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee – RBC) โดยมีการจัดทำบันทึกอย่างเป็นทางการทุกขั้นตอน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ในระดับสากล และบ่ายวันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญ คณะทูตานุทูตต่างประเทศ ในประเทศไทย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจร่วมกัน ถึงท่าทีของประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักการเจรจาระหว่างประเทศและกฎหมายสากล

ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่เคยยั่วยุให้เกิดการปะทะกัน พร้อมกันนั้น น.ส.แพทองธาร ประกาศว่าประเทศไทยแข็งแกร่งและมีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย และข่มขู่ อย่างเด็ดขาด รัฐบาลและกองทัพร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ

“ที่ประชุมวันนี้เห็นตรงกันในทุก ๆ ส่วน ทางกองทัพคิดเหมือนเรา ต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้ แต่ทำอย่างไรให้ยืดการปะทะ การเสียเลือดเนื้อให้ออกไป ไม่ให้เกิดขึ้น แต่ยังเห็นรักษาอธิปไตยของเราไว้ นี้คือสิ่งที่เห็นตรงกันทั้งรัฐบาลและกองทัพ ส่วนใครจะปล่อยว่า ตีกัน ยืนยันไม่เคยตีกัน กองทัพกับรัฐบาลคุยกันทุกเรื่องว่า จะทำอย่างไร จะมูฟอย่างไร ตนให้เกียรติกองทัพเสมอ เพราะเป็นคนหน้างานและรู้เรื่องอาวุธทุกอย่าง รัฐบาลก็ต้องคุยด้วยว่าจะทำอย่างไร และตนคุยหลังไมค์อย่างไร จะมีการเช็คกับทางกองทัพทุกครั้งว่า เราเดินอย่างไรที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ และกองทัพจะขยับอย่างไรก็มีการปรึกษากับรัฐบาลทุกครั้ง ว่า สิ่งใดทำได้ หรือไม่ได้” นายกฯ ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 68)