
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.24 น. โดยเดินทางเข้ามาพร้อมกับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี พร้อมกับบุตรชายคนเล็ก ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ หรือน้องธาษิณ ซึ่งมีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี และสามี ได้ไปทำบุญและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 43 ปี ของนายปิฎก
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ กับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดน ประกอบด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ตราด จันทบุรี สระแก้ว พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในพื้นที่ 7 จังหวัด ซึ่งมีทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ขอให้ช่วยดูแลประชาชน ขณะนี้รัฐบาลกำลังพูดคุยเจรจาไม่ให้เกิดการปะทะ ไม่เกิดความรุนแรง แต่ขอให้มีการเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน
“ของเรามีความพร้อมอยู่เสมอ แน่นอนว่า ต้องการเลี่ยงการปะทะอย่างแน่นอน แต่หากเกิดสุดวิสัย ก็ต้องรักษาชีวิตของทหารชายแดนนับหมื่นคน และรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ และเคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่า มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว มหาดไทยเองก็ต้องดูแลคนในบ้านให้ปลอดภัย ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ” นายกรัฐมนตรี ระบุ
ส่วนการดูแลปัญหายาเสพติดในพื้นที่ แม้ที่ผ่านมาจะสามารถจัมกุมล็อตใหญ่ได้แล้ว แต่ยังมีล็อตเล็กๆ ที่กระจายเข้ามาในชุมชน หมู่บ้าน จึงขอให้ข้าราชการในพื้นที่ช่วยดูแลสอดส่องเป็นหูเป็นตา และดูแลความปลอดภัยของชาวบ้านที่ช่วยแจ้งข้อมูลเบาะแส เรื่องยาเสพติดให้กับทางราชการด้วย
โดยในตอนหนึ่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในกระทรวงมหาดไทย แต่ขอให้ทุกคนร่วมกันทำงานอย่างเข้มแข็ง เพื่อประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก
“ดิฉันเชื่อมั่น และทราบฝีมือของแต่ละท่าน และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะสามารถทำประโยชน์ และทำงานอย่างต่อเนื่อง ขอให้ช่วยกันทำงานให้เข้มแข็งที่สุด และสัญญาว่ารัฐบาลจะไม่ทิ้งกระทรวงไหน และมั่นใจว่าทุกกระทรวง จะสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ขอให้ยึดเป้าหมายเป็นสำคัญ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังจากนายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นการประชุมติดตามดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทยแล้ว จะเดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อพบปะกำลังพลกองกำลังสุรนารี และมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้แก่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ฐานปฏิบัติการมรกต ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
อย่างไรก็ดี มีการคาดกันว่า การลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะต้องการไปเคลียร์ใจกับ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รวมทั้งต้องการสร้างบรรยากาศในการทำงานร่วมกันที่ดี ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ภายหลังมีกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 68)