นายวิรัช เสรีภาณุ กรรมการ บมจ.แม็คกรุ๊ป [MC] เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ได้มีมติแต่งตั้ง นายแมทธิว กิจโอธาน เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป หลังจากนายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 มิถุนายน 2568
“เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ อย่างยิ่งสำหรับบทบาทผู้นำที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้บริษัทเติบโตต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตของบริษัทต่อไป” นายวิรัช กล่าว
นายแมทธิว มีประสบการณ์ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงและกรรมการบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มายาวนานกว่า 30 ปี ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ใน The Minor Food Group PCL. (ปี 2020 – 2022) เป็นต้น
นายวิรัช กล่าวว่า นายแมทธิว เป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ระดับสูงในธุรกิจค้าปลีก การตลาด และการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีวิสัยทัศน์และความสามารถในการสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ คณะกรรมการบริษัทเชื่อมั่นว่านายแมทธิว จะสามารถสานต่อและต่อยอดความสำเร็จของบริษัทได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการจัดเตรียมแผนการเปลี่ยนผ่านและการส่งมอบงาน เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลดำเนินงานและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน
นายวิรัช กล่าวว่า “แม็คกรุ๊ป” มีความแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ ของแบรนด์ที่อยู่มาอย่างยั่งยืน 50 ปี มีสินค้าที่ มีความหลากหลาย เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทุกสไตล์ ขณะที่ในส่วนของตัวเลขทางการเงินนั้น แม็คกรุ๊ป มีความแข็งแกร่งมาตลอดและเป็นบริษัทที่มีกำไรต่อเนื่องนับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์มา 12 ปี ปันผลต่อเนื่องทุกๆปีและปีล่าสุดปันผล 100%ของกำไรสุทธิ รวมถึงนักลงทุนที่ลงทุนหุ้น MC จะได้รับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเกือบ10% และยังเป็นบริษัทที่ Cash Rich โดยงวดล่าสุด มีเงินสด ,รายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวรวม 1,733 ล้านบาท และที่สำคัญเป็นบริษัท Zero Debt หรือไม่มีหนี้กับสถาบันการเงินเลยซึ่งปัจจัยบวกที่แข็งแกร่งเหล่านี้จะทำให้ MCเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปีถัดๆไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)
