ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันอังคาร (24 มิ.ย.) เพื่อสกัดกั้นคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะยกเลิกสิทธิการเจรจาต่อรองร่วมของสหภาพแรงงานใน 21 หน่วยงานรัฐบาลกลาง โดยผู้พิพากษาชี้ว่าคำสั่งดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะขัดต่อกฎหมายและละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ
หากคำสั่งของทรัมป์มีผลบังคับใช้ จะเป็นการยกเลิกการเจรจาต่อรองร่วม ซึ่งเปิดทางให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างงาน ไล่ออก หรือลงโทษทางวินัยพนักงานได้ง่ายขึ้น และยังอาจขัดขวางไม่ให้สหภาพฯ ใช้สิทธิ์ทางศาลเพื่อคัดค้านนโยบายริเริ่มของรัฐบาลทรัมป์ได้อีกด้วย
ผู้พิพากษาเจมส์ โดนาโต แห่งศาลแขวงสหรัฐฯ ในซานฟรานซิสโก เห็นพ้องกับสหพันธ์ลูกจ้างรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) และสหภาพแรงงานอีก 5 แห่งที่ยื่นฟ้อง โดยระบุว่าคำสั่งของทรัมป์ที่ออกมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ส่งผลกระทบในเชิงขัดขวางการใช้สิทธิในการแสดงออกอย่างเสรีของกลุ่มสหภาพฯ ซึ่ง “ดูเหมือนจะถูกมองว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อประธานาธิบดี” คำตัดสินนี้ได้สกัดกั้นไม่ให้ 21 หน่วยงานนำคำสั่งของทรัมป์ไปบังคับใช้จนกว่าการพิจารณาคดีจะสิ้นสุด
ผู้พิพากษาโดนาโต ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังอ้างถึงเอกสารข้อเท็จจริงของทำเนียบขาวที่เผยแพร่พร้อมคำสั่ง ว่า “แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าเป็นปรปักษ์ต่อสหภาพแรงงาน” และถือเป็น “หลักฐานที่ชัดเจนถึงความเชื่อมโยงระหว่างการใช้สิทธิตามการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 กับการลงโทษโดยรัฐบาล”
ทั้งนี้ คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้ยกเว้นหน่วยงานที่เขาระบุว่ามีภารกิจหลักด้านความมั่นคงแห่งชาติ ข่าวกรอง และการสืบสวน ออกจากพันธกรณีการเจรจาต่อรองร่วม ซึ่งเป็นการขยายข้อยกเว้นเดิมให้กว้างขวางอย่างไม่เคยมีมาก่อน และครอบคลุมหน่วยงานอย่างกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกิจการทหารผ่านศึก กลุ่มสหภาพฯ โต้แย้งว่าคำสั่งนี้มีเจตนาเพื่อลงโทษสหภาพฯ ที่เคยคัดค้านนโยบายของรัฐบาล และพนักงานส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบก็ไม่ได้ทำงานด้านความมั่นคง
ก่อนหน้านี้ในเดือนเม.ย. ผู้พิพากษาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้มีคำสั่งลักษณะเดียวกันเพื่อสกัดกั้นคำสั่งของทรัมป์ใน 7 หน่วยงาน แต่ศาลอุทธรณ์ได้สั่งระงับคำตัดสินดังกล่าวชั่วคราวไว้เพื่อรอพิจารณาคำอุทธรณ์ของรัฐบาลทรัมป์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 68)
