
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของศรีลังกาอาจหดตัวลงถึง 1.5% หากสหรัฐฯ กลับมาบังคับใช้กำแพงภาษีต่อสินค้าส่งออกของศรีลังกาในอัตรา 44% พร้อมกับลดภาษีให้กับประเทศคู่แข่งทางการค้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานในวันนี้ (4 ก.ค.) ว่า ในปัจจุบัน ศรีลังกาเผชิญกับภาษีส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพียง 10% เนื่องจากกำแพงภาษีอัตรา 44% ถูกระงับไว้ชั่วคราวจนถึงวันที่ 9 ก.ค.นี้
IMF ระบุในรายงานว่า อัตรากำไรของผู้ประกอบการศรีลังกาอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจมีความสามารถจำกัดในการแบกรับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นมหาศาล โดยคาดว่าการส่งออกอาจทรุดตัวลงมากถึง 3% ของ GDP จากอุปสงค์ต่างประเทศที่ลดลงและการที่คู่ค้าหันไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศอื่นแทน
การที่ความสามารถในการแข่งขันของศรีลังกาถดถอยลง ประกอบกับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น จะบั่นทอนการลงทุนของภาคธุรกิจ และฉุดให้ GDP ของประเทศหดตัวลงในที่สุด
นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่แรงกดดันจากประชาชนที่เรียกร้องให้รัฐบาลเข้าช่วยเหลือ อาจทำให้การปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศล่าช้า และเพิ่มความเสี่ยงที่โครงการช่วยเหลือของ IMF จะล้มเหลวไม่เป็นไปตามเป้า
อย่างไรก็ดี IMF เสริมว่า ผลกระทบจากการส่งออกที่ลดลงจะถูกชดเชยได้บางส่วนจากความต้องการนำเข้าวัตถุดิบที่ลดลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ต่ำลง และค่าเงินที่อ่อนตัวลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 68)