นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไอร่า แคปปิตอล (AIRA Group) เปิดเผยว่า AIRA Group มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้บริษัทในเครือ “ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้” เพื่อสยายปีกก้าวเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ โดยผลักดันให้ ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ เป็นหนึ่งใน flagship สำคัญในการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ของกลุ่มธุรกิจให้กับ AIRA Group ในอนาคต
สอดรับกับเป้าหมายที่มุ่งสู่การขยายธุรกิจของบริษัทในเครือ ด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อขยายฐานลูกค้า เสริมสร้างศักยภาพให้กับผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า และสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต้นทุน โดยธุรกิจหลักทรัพย์ มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนในต่างประเทศที่หลากหลาย การซื้อขายหุ้นทางออนไลน์ และที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่
ขณะที่ธุรกิจแฟคตอริ่ง มุ่งเน้นสนับสนุนสินเชื่อแก่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ESG ผ่านโครงการ Green Project และบริการทางช่องทางดิจิทัลเพื่อยกระดับการให้บริการและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้านธุรกิจลีสซิ่งจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสำหรับรายย่อยมากขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้า
นางนลินี กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นการเข้าซื้อ และพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานและอสังหาริมทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนแบบสม่ำเสมอ รวมถึงมีแผนนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และนำโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทลงทุนจัดตั้งกองรีทส์ (REITs) พร้อมทั้งแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆในการเข้าร่วมลงทุน เพื่อต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจสู่การสร้างผลตอบแทนและสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นของไอร่า กรุ๊ป
“ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ ขับเคลื่อนมุ่งเน้นการออกแบบโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สร้างผลกระทบในทางลบต่อชุมชนรอบข้าง ส่วน บริษัท แอสไพเรชั่น วัน อาคารสำนักงานสีเขียวมาตรฐาน LEED GOLD ขานรับนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถ EV ที่ Spring Tower เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากรถยนต์”
ด้านนายเจนวิทย์ รุ่งกิจวรเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า AIRA Prop ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสอดรับแผนการเติบโตของ AIRA Group โดยวางกลยุทธ์ต่อยอดธุรกิจ ภายใต้แผนการลงทุน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- โครงการโรงแรมบนทำเลศักยภาพสูง (Urban Hospitality Investment) โดยจะพัฒนาโรงแรมคุณภาพในทำเล CBD ของกรุงเทพฯ โดยโครงการแรกเป็นโรงแรมย่านสีลม ระดับ Upper Upscale มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,300 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดเชิงพาณิชย์ภายในต้นปี 2573 โดยจะเน้นความร่วมมือกับ เชนโรงแรมระดับนานาชาติ ผ่านรูปแบบ “เช่าพื้นที่ + สัญญาบริหาร” เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น ทั้งในด้านผลตอบแทนและการบริหารความเสี่ยง
- อาคารสำนักงานเชิงคุณภาพ พร้อมกลยุทธ์ Asset Enhancement โดยอาคารสปริงทาวเวอร์ จะยกระดับศักยภาพพื้นที่ให้ตอบโจทย์ผู้เช่ามากขึ้น สอดรับกับแนวโน้ม “Flight-to-Quality” และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้เช่า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงจากสินทรัพย์รายได้หลักของบริษัทฯ
- เตรียมความพร้อมสู่การตั้งกอง REITs และการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมปรับโครงสร้างองค์กร การบริหารการเงิน และเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ในพอร์ตให้พร้อม สู่การเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ภายในปี 2569 นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดตั้งกอง REITs ในปี 2573 เพื่อบริหารสินทรัพย์ระยะยาวและรองรับการเติบโตของกลุ่มอสังหาฯ
นางนลินี กล่าวอีกว่า สิ่งการันตีถึงความสำเร็จสู่การเป็นธุรกิจทางการเงินในรูปแบบ Non-Bank ชั้นนำของประเทศ คือการที่ AIRA Group มีพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านการร่วมลงทุน ในแต่ละธุรกิจ อาทิ AIFUL Corporation, Kenedix Asia Private Limited , NEC Capital Solutions Limited, Sumitomo Mitsui Trust Bank บริษัทชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมี Eugene Investment & Securities กลุ่มบริษัทการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศเกาหลี และ Travelex บริษัทยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 68)
