ปธ.เฟดดัลลัสแนะตรึงดอกเบี้ยนานขึ้น กังวลเงินเฟ้อยังสูง

ลอรี โลแกน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อให้คงอยู่ที่ระดับต่ำ ในช่วงเวลาที่แรงกดดันด้านราคาเพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

โลแกนกล่าวในการประชุม World Affairs Council of San Antonio เมื่อวันอังคาร (15 ก.ค.) ว่า เฟดจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน

การแสดงความเห็นของโลกแกนมีขึ้นหลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ ออกมาสูงเกินคาด โดยโลแกนกล่าวในเรื่องนี้ว่า เธอต้องการเห็นเงินเฟ้อที่ระดับต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานขึ้น ก่อนที่จะพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ย

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6% และสูงกว่าในเดือนพ.ค. ที่ปรับตัวขึ้น 2.4%

โลแกนกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยง และอาจต้องใช้เวลาที่นานขึ้นกว่าที่ราคาจะมีเสถียรภาพ แต่ในขณะเดียวกันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ช้าเกินไปก็เสี่ยงที่จะทำให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลงอีก แม้ว่าเฟดมีทางเลือกในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อให้การจ้างงานกลับสู่ทิศทางที่ถูกต้องก็ตาม

นอกจากนี้ โลแกนกล่าวว่า การที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นอยู่ในระดับใกล้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งนโยบายการคลังของรัฐบาลนั้น ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้ผ่านร่างกฎหมาย “One Big Beautiful Bill” หรือร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายขนานใหญ่มูลค่ารวมหลายล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ทรัมป์ ซึ่งการผ่านกฎหมายดังกล่าวจะทำให้นโยบายการลดหย่อนภาษีที่ทรัมป์เคยริเริ่มไว้ในปี 2560 มีผลบังคับใช้ถาวร

ทั้งนี้ โลแกนกล่าวว่า ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้เธอมองว่าเฟดจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อนำเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ค. 68)