รายงานจากสำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรส (CBO) คาดการณ์ว่า “One Big Beautiful Bill Act” ซึ่งได้รับการลงนามเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 4 ก.ค. จะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 3.39 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2568-2577
ตัวเลขประมาณการล่าสุดนี้สูงกว่าระดับ 3.25 ล้านล้านดอลลาร์ที่ CBO คาดการณ์ไว้ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. หรือก่อนที่กฎหมายจะผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาไม่นาน
CBO ระบุว่า การขาดดุลที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการใช้จ่ายโดยตรงของรัฐบาลที่ลดลง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ และรายได้ลดลง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กฎหมายภาษีและงบประมาณถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารและความมั่นคงชายแดน
กฎหมายฉบับดังกล่าวก่อให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่สมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติ ตลอดจนประชาชนอเมริกันที่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ต่างกัน หรือมีรายได้ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ผลกระทบมหาศาลจากกฎหมายฉบับนี้ต่อการขาดดุลของสหรัฐฯ ยังสร้างความวิตกกังวลในต่างประเทศด้วย
มายา แมคกินีส ประธานคณะกรรมาธิการดูแลงบประมาณของรัฐบาลกลาง (Committee for a Responsible Federal Budget) ระบุในแถลงการณ์ว่า กฎหมายฉบับนี้จะทำให้การกู้ยืมของสหรัฐฯ รวมดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านล้านดอลลาร์
“มันยังเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากที่อยู่ ๆ เหล่าผู้กำหนดนโยบายจะเพิ่มหนี้อีก 4 ล้านล้านดอลลาร์ ผู้สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้หลายคนใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีในการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ทางการคลังที่ไม่ยั่งยืนของเรา แต่เมื่อพวกเขามีโอกาสแก้ไข กลับทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก 4 ล้านล้านดอลลาร์” แมคกินีสกล่าว
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ณ กลางปี 2568 อยู่ที่กว่า 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ทะลุระดับสูงสุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ค. 68)
