เกาหลีเหนือแถลงในวันนี้ (29 ก.ค.) เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยอมรับสถานะของเกาหลีเหนือในฐานะรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญเพียงหนึ่งเดียวที่จะนำไปสู่การรื้อฟื้นการเจรจาทวิภาคีที่หยุดชะงักไป
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ท่าทีดังกล่าวมาจากแถลงการณ์ของคิม โยจอง น้องสาวของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคแรงงาน ที่เผยแพร่ผ่านสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) โดยระบุว่า “การยอมรับสถานะรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีอย่างถาวร ต้องถือเป็นเงื่อนไขสำคัญอันดับแรก ก่อนที่จะมีการคาดการณ์หรือพิจารณาเรื่องอื่นใดในอนาคต”
คิม โยจอง ยังเตือนสหรัฐฯ ไม่ให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ “ไม่ได้เลวร้าย” ระหว่างคิม จองอึน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อกดดันให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการ “ดูหมิ่นกัน” และหากวอชิงตันยังคงยึดติดกับแนวทางที่ล้มเหลวในอดีต การเจรจาก็จะเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของฝ่ายสหรัฐฯ
แถลงการณ์นี้มีขึ้นในขณะที่เกาหลีเหนือเน้นย้ำว่า ศักยภาพทางนิวเคลียร์และสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยเมื่อเดือนมิ.ย. ปีที่แล้ว เกาหลีเหนือได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมกับรัสเซีย ซึ่งมีพันธกรณีให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกโจมตี
ทั้งนี้ การเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ หยุดชะงักมานานหลายปี แม้ว่าเคยมีความคืบหน้าในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ที่สิงคโปร์เมื่อปี 2561 ซึ่งคิม จองอึนและปธน.ทรัมป์เห็นพ้องในหลักการว่าด้วยการปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ในคาบสมุทรเกาหลี แลกกับการที่สหรัฐฯ จะให้หลักประกันด้านความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม การเจรจาต้องถึงทางตันในการประชุมสุดยอดครั้งที่สองที่กรุงฮานอยในปี 2562 เนื่องจากความขัดแย้งในประเด็นการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร และการประชุมระดับคณะทำงานที่สตอกโฮล์มในปีเดียวกันก็จบลงโดยไม่มีความคืบหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)
