
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (6 ส.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามในยูเครน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่กับรัสเซียหรือไม่
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 64.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 75 เซนต์ หรือ 1.11% ปิดที่ 66.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปธน.ทรัมป์เปิดเผยความคืบหน้าในการเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามในยูเครน โดยเขาโพสต์ข้อความบน Truth Social ในวันพุธว่า “สตีฟ วิตคอฟ ทูตพิเศษของผม เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมที่มีประสิทธิผลอย่างยิ่งกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย โดยมีความคืบหน้าอย่างมาก! หลังจากนั้น ผมได้แจ้งสถานการณ์ล่าสุดแก่พันธมิตรในยุโรปบางประเทศ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าสงครามนี้ต้องยุติลง และเราจะร่วมกันผลักดันไปสู่เป้าหมายดังกล่าวในอีกไม่กี่วันและไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้!”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์ส่งผลให้สัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ห้า นอกจากนี้ สัญญาน้ำมัน WTI ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. และสัญญาน้ำมันเบรนท์ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงใด ๆ ที่จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรจะทำให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันได้ง่ายขึ้น
ในช่วงแรกนั้น ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริการเพื่อเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียเพิ่มเติมอีก 25% เพื่อตอบโต้อินเดียที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยอินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 1 ใน 3 ของความต้องการภายในประเทศ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนในช่วงแรก จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)