ยูบีเอส กรุ๊ป เอจี (UBS Group AG) ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ประเมินว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะกลับมาฟื้นตัวนั้น ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ โดยระบุว่าการฟื้นตัวอาจล่าช้าออกไป หลังจากยอดขายที่อยู่อาศัยในจีนยังคงอ่อนแรงต่อเนื่องในไตรมาส 2/2568
จอห์น แลม หัวหน้าฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์จีนและฮ่องกงของยูบีเอสเคยประเมินไว้เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า ราคาบ้านในเมืองชั้นนำของจีนจะทรงตัวได้ภายในต้นปี 2569 แต่ล่าสุดเขาเลื่อนการคาดการณ์ดังกล่าวออกไปเป็นช่วงกลางถึงปลายปี 2569 เว้นแต่ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
แลมระบุว่า ความต้องการซื้อที่อ่อนแอทำให้การขายที่อยู่อาศัยต้องใช้เวลายาวนานขึ้น โดยในเดือนมี.ค. อัตราการหมุนเวียนสต็อกในเมืองระดับหนึ่ง (tier-one) ลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 14 เดือน ซึ่งเทียบเท่ากับระดับของปี 2558 ที่เป็นช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรขาขึ้น แต่ภายในสิ้นเดือนมิ.ย. ตัวเลขดังกล่าวกลับเพิ่มขึ้นเป็น 20.7 เดือน ซึ่งสะท้อนว่าการดูดซับสต็อกบ้านในตลาดชะลอตัวลง แม้แต่ในเมืองใหญ่ที่มักเป็นกลุ่มแรกที่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ แลมเป็นที่รู้จักจากบทบาทในการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) ตั้งแต่ต้นปี 2564 ก่อนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายนี้จะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในอีก 11 เดือนถัดมา นอกจากนี้ เขายังเคยแสดงมุมมองเชิงบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์จีนในปีที่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ยังคงประเมินว่าตลาดจะหดตัวลงต่อไป
ด้านสถาบันการเงินระดับโลกยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มของภาคอสังหาริมทรัพย์จีนซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจจีนติดต่อกันมากกว่า 4 ปี โดยมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) คาดการณ์ว่ายอดขายจะยังคงอ่อนแอในไตรมาส 3 ขณะที่นักวิเคราะห์จากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ (HSBC Holdings) มองว่าการฟื้นตัวมีความแตกต่างกันไป โดยเฉพาะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐที่มีความสามารถในการกำหนดราคาและมีโครงการที่แข็งแกร่งในเมืองระดับบน จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวมากที่สุด
แลมยังระบุเสริมว่า โมเมนตัมยอดขายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาชะลอตัวลงอย่างชัดเจน และหากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์จีนก็จะล่าช้ากว่าที่ประเมินไว้เดิม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)
