TRUE เล็งจ่ายเงินปันผลงวด 9 เดือนเป็นครั้งแรกหลังควบรวม พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น [TRUE] ระบุว่า บริษัทเตรียมพิจารณาการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนแรกของปี 68 ที่คาดจะจ่ายในเดือน ธ.ค.68 ซึ่งบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตรามากกว่า 50% โดยจะถือเป็นครั้งแรกที่ TRUE จะจ่ายเงินปันผลหลังควบรวมกิจการกับ DTAC

แผนจ่ายปันผลเนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นทุกไตรมาส กระแสเงินสดเป็นบวก หนี้สินก็มีแนวโน้มลดลง จากการลดหนี้ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันหนี้สินต่อ EBITDA อยู่ที่ 4.1 เท่า จากเดิม 5.7 เท่า ซึ่ง TRUE มีเป้าหมายลดให้เหลือที่ 3.2 เท่าภายในปี 70

นอกจากนี้ TRUE ยังได้ประโยชน์จาการลดต้นทุนด้านเครือข่าย จากการได้คลื่นความถี่ใหม่จากการประมูลคลื่น 2300MHz. และ 1500 MHz. ที่ช่วยประหยัดต้นทุน 2.8 พันล้านบาท และประหยัดจากการไม่ต้องจ่ายค่าเช่าโรมมิ่งคลื่น 850MHz จำนวน 2.5 พันล้านบาท รวมแล้วประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ถึงปีละ 5.3 พันล้านบาท

สำหรับงบลงทุนในปี 68 จำนวน 3 หมื่นล้านบาท จะลงทุนพัฒนาและปรับปรุง Network ให้ทันสมัย ซึ่งคิดเป็น 16%ของรายได้ ซึ่ง TRUE มีเป้าหมายลดลงให้เหลือ 13-14% ของรายได้

นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม TRUE กล่าวว่า ปัจจุบันมีจำนวนครัวเรือนเข้าถึงเน็ตบ้านเพียงครึ่งหนึ่งจากที่มีอยู่ราว 21 ล้านครัวเรือน ซึ่ง TRUE มีเป้าหมายใน 6 ปีข้างหน้าที่จะเพิ่มลูกค้าอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเพื่อให้ทุกครัวเรือนมีเน็ต และ TRUE มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ TRUE จะดำเนินโครงการ One Network ทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมและประสิทธิภาพของ 5G และ 4G อย่างมีนัยสำคัญ คลื่นความถี่ 2300 MHz ที่เพิ่งได้รับมาทั้งหมด 70 MHz และความจุเพิ่มอีก 10 MHz จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานขึ้นอีก 17% และรองรับการขยายเครือข่าย 5G ในอนาคต

TRUE จะปรับโครงสร้างคลื่นความถี่ 2600 MHz ใหม่โดยใช้ Dynamic Spectrum Sharing (DSS) เพื่อให้การใช้งานระหว่าง 5G และ 4G มีความยืดหยุ่นมาก ขึ้น โดยแบนด์วิดท์ 90 MHz จะถูกนำไปใช้งานกับ 5G นอกจากนี้ คลื่นความถี่ 1500 MHz ที่เพิ่งได้รับมาใหม่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดาวน์ลิงก์ และทำงานร่วมกับคลื่นความถี่ย่านความถี่ต่ำอื่นๆ เพื่อปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพของเครือข่าย

นายเบรกเก้ กล่าวว่า ทรูมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าทุกท่านสามารถทำธุรกรรมบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม นับ ตั้งแต่ต้นปี 68 ธุรกรรมของลูกค้าได้เปลี่ยนผ่านสู่ช่องทางดิจิทัล ถึง 19 % และตัวเลขยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

*ปรับครั้งใหญ่

TRUE ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ พร้อมประกาศแต่งตั้งทีมผู้บริหารระดับสูง โดยยึดลูกค้าเป็นแกนหลัก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.68 เป็นต้นไป ซึ่งโครงสร้างองค์กรใหม่จะส่งเสริมความเรียบง่าย ลดขั้นตอนการตัดสินใจ และเร่งกระบวนการนำสินค้าออกสู่ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของตลาด

“โครงสร้างองค์กรและทีมผู้นำนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่ความคาดหวังของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พลวัตของตลาดและอุตสาหกรรม และแนวโน้มด้านเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว”นายเบรกเก้ กล่าว

TRUE ยึดหลักการออกแบบ 5 ประการสำหรับโครงสร้างองค์กรและความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเติบโต

  1. ผู้สนับสนุนลูกค้า: สร้างความสามารถในการเข้าถึง ทำความเข้าใจ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
  2. ชนะเจ้าบ้าน: ไทยมี 23 ล้านครัวเรือน ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทรูนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการไลฟ์สไตล์ดิจิทัลครบวงจรในที่เดียว ครอบคลุมทั้งนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ โซลูชัน ความบันเทิง และบรอดแบนด์ เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งผู้อยู่อาศัยรายบุคคลและครอบครัวหลายเจเนอเรชัน กลุ่มธุรกิจนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่ง
  3. เร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล B2B :True Business กำลังกำหนดนิยามความเป็นผู้นำในตลาดองค์กรและ SME ใหม่ด้วยการนำเสนอข้อเสนอโซลูชันอันน่าดึงดูดซึ่งมีผลกระทบทางธุรกิจและการเงินที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
  4. เสริมพลังอนาคตด้วย AI: True วางตำแหน่งบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ AI เป็นหลัก ด้วยการผสานรวมปัญญาประดิษฐ์ในทุกแง่มุม ทั้งการดำเนินงาน ระบบ การวางแผน และการจัดการความรู้ การนำกลยุทธ์ AI มาใช้จะช่วยให้บริการลูกค้าได้อย่างคล่องตัว ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในระยะยาว กลยุทธ์ Cloud First ยังส่งเสริมการใช้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ปรับขนาดได้และมีประสิทธิภาพ
  5. มุ่งเน้นดิจิทัลไลเซชั่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น: เป้าหมายของการเป็น Legacy Free คือการขจัดระบบที่ล้าสมัยซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัว ขณะเดียวกัน ทรูกำลังสร้าง Customer Journey ในรูปแบบดิจิทัลและ Omni-channel ที่เชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชัน และคอลเซ็นเตอร์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่น นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติภายในองค์กรก็กำลังได้รับการพัฒนาเพื่อลดความซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำ และช่วยให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้

TRUE ได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงดังต่อไปนี้

  • นายมนัส มนัสวุฒิเวฏ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสบการณ์ลูกค้าและการค้าปลีก ดูแลช่องทางการขายและบริการทั่วประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่สม่ำเสมอและเหนือกว่า
  • นายชารัด เมห์โรตรา ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจผู้บริโภค รับผิดชอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งมอบคุณค่าสูงสุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • นายคุร์รุม แอชฟาค ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเครือข่าย รับผิดชอบการพัฒนาเครือข่ายอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบประสบการณ์เครือข่ายที่ไม่มีใครเทียบได้
  • นายธนพล มานะวุฒิเวช เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชื่อมต่อภายในบ้าน (Chief Home Connectivity Officer) รับผิดชอบการส่งมอบไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่ครบวงจร ครอบคลุมทั้งบรอดแบนด์ ความบันเทิง และโซลูชันสมาร์ทโฮมสำหรับครัวเรือนหลายล้านครัวเรือน
  • นายธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ (Chief Business Officer) เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล B2B ของบริษัท และยกระดับทรูให้เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับองค์กรธุรกิจและ SMEs

นอกจากนี้ ทรูยังได้แต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Chief Data and AI Officer) คนแรก เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ AI-First พร้อมด้วยผู้บริหารที่รับผิดชอบระบบไอทีระดับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อให้ทันกับเทรนด์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“ในช่วงหกเดือนข้างหน้า เราจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญสามประการเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในทุกพื้นที่”นายเบรกเก้ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)