RCL เด้ง 6.84% ตอบรับกำไรพุ่งจากการขยายกองเรือ แม้ค่าระวางเรือลดลง

RCL ปรับขึ้น 6.84% มาที่ 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 222.83 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.40 น.จากราคาเปิด 29.25 บาท ราคาสูงสุด 31.75 บาท ราคาต่ำสุด 29.25 บาท

บมจ.อาร์ ซี แอล [RCL] เปิดเผยว่าในไตรมาส 2/68 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,148 ล้านาท แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 2.6% ที่มี 2,058 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการเดินเรือลดลง 288 ล้านบาทหรือ 3.1% แม้ปริมาณการขนส่งจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.4% แต่อัตราค่าระวางเฉลี่ยในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 406 เหรียญต่อตู้ ปรับตัวลงจาก 415 เหรียญต่อตู้ในไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับงวด 6 เดือนของปี 68 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 4,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,302 ล้านบาท หรือ 130.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,761 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการเดินเรือที่เพิ่มขึ้น 28% สอดคล้องกับปริมาณขนส่งที่เพิ่มขึ้น 144,000 ตู้ หรือ 12.2% ซึ่งสะท้อนถึงผลจากการขยายกองเรือ โดยมีเรือใหม่จำนวน 6 ลำ ทั้งขนาด 12,000 TEUs และ 7,000 TEUs เข้าสู่กองเรือของบริษัทฯ ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ รวมถึงการเพิ่มเครือข่ายการให้บริการและการให้บริการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดควบคู่ไปกับการเสริมศักยภาพของกองเรือใหม่ที่ทันสมัยและประหยัดพลังงาน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุนการเดินเรือเพิ่มขึ้นเพียง 13% ซึ่งต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่เพิ่มขึ้น 28% ดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ภายใต้บริบทของความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การค้าโลก

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 68 อุตสาหกรรมการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากปี 67 จากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อทิศทางการค้าโลก และ เหตุการณ์ความไม่สงบในช่องทางการเดินเรือหลัก ซึ่งเพิ่มต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่ง รวมถึงอุปทานเรือใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 67 ส่งผลให้อัตราค่าระวางเฉลี่ยปรับตัวลดลง ปัจจัยดังกล่าวนี้ได้เพิ่มความซับซ้อนและความท้าทายในการบริหารจัดการ

บริษัทฯ ได้ดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ เช่น การปรับกองเรือให้มีความหลากหลายทั้งขนาดของเรือและประเภทของตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค อีกทั้ง ขยายเครือข่ายการให้บริการไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เช่น ลาตินอเมริกา พร้อมทั้งยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าผ่านการให้บริการที่มีคุณภาพและความต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันการเพิ่มศักยภาพของกองเรือใหม่ให้มีความทันสมัย ประหยัดพลังงาน และรองรับพลังงานทางเลือกนั้นไม่เพียงแต่สอดคล้องกับมาตรการสิ่งแวดล้อมของ IMO เท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับมาตรการควบคุมต้นทุนของบริษัทฯ ซึ่งส่งเสริมความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน

ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 5 กันยายน 2568

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 68)