
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (8 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดเป็นวันที่สองติดต่อกัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรวมถึงหุ้น Apple ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,175.61 จุด เพิ่มขึ้น 206.97 จุด หรือ +0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,389.45 จุด เพิ่มขึ้น 49.45 จุด หรือ +0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,450.02 จุด เพิ่มขึ้น 207.32 จุด หรือ +0.98%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.3%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.4% และดัชนี Nasdaq เพิ่ม 3.9%
ดัชนี Nasdaq ทำสถิติปิดตลาดสูงสุดเป็นครั้งที่ 18 ในปีนี้ โดยดัชนีเพิ่มขึ้น 11% นับตั้งแต่ต้นปี ส่วนดัชนี S&P500 ปิดใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้น Apple พุ่งขึ้น 4.2% ในวันศุกร์ และปรับตัวขึ้น 13.3% ตลอดสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า Apple จะลงทุนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าการลงทุนรวมในช่วง 4 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี S&P 500 กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการสื่อสารปรับขึ้นนำหุ้นกลุ่มอื่น ๆ และต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
นอกจากนี้ หุ้น Gilead Sciences พุ่ง 8.3% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดทั้งปี
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอล่าสุดนั้นช่วยหนุนความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินตัวเลือกของทรัมป์ในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชั่วคราว
ทรัมป์เสนอชื่อ สตีเฟน มิแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ให้ดำรงตำแหน่งในบอร์ดระยะสั้นแทน เอเดรียนา คูเกลอร์ ที่ลาออกอย่างกะทันหันเมื่อสัปดาห์ก่อน และทรัมป์ได้ลดรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะหมดวาระในวันที่ 15 พ.ค. 2569
มิแรนซึ่งมักมีจุดยืนสอดคล้องกับทรัมป์ เคยระบุว่า พาวเวลปรับลดดอกเบี้ยช้าเกินไป
ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool นั้น มีโอกาส 89.4% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 80.3% เมื่อสัปดาห์ก่อน และสัญญาล่วงหน้าบ่งชี้ไปที่การลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้
ข้อมูลเงินเฟ้อจะเป็นบททดสอบสำคัญต่อการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงขายทำกำไร โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายเดือนของสหรัฐฯ มีกำหนดเผยแพร่ในวันอังคารหน้า (12 ส.ค.)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-อินเดีย หลังอินเดียระงับการสั่งซื้ออาวุธและเครื่องบินจากสหรัฐฯ หลังจากที่ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของอินเดียเป็น 50% ในสัปดาห์นี้
ในบรรดาหุ้นที่ปรับขึ้นวันศุกร์นั้น หุ้น Expedia พุ่งขึ้น 4.1% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดจองการเดินทางรวมและการเติบโตของรายได้ตลอดปี
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า จากบริษัทในดัชนี S&P500 กว่า 450 แห่งที่รายงานผลประกอบการแล้วนั้น ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของกำไรไตรมาส 2 อยู่ที่ 13.2% เพิ่มขึ้นจาก 5.8% เมื่อวันที่ 1 ก.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 68)