
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (8 ส.ค.) แต่ลดช่วงบวกลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมีรายงานว่าทำเนียบขาวเตรียมออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อชี้แจงจุดยืนของสหรัฐฯ ต่อการเก็บภาษีนำเข้าทองคำแท่ง
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 37.60 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 3,491.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองพุ่งทะลุระดับ 3,500 ดอลลาร์ แตะระดับ 3,534.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมีรายงานว่า สหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อการนำเข้าทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัม
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) รายงานโดยอ้างอิงจดหมายจากสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐระบุว่า สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าทองคำแท่งน้ำหนัก 1 กิโลกรัมในอัตรา 39.6% จากเดิมที่การนำเข้าทองคำแท่งเพื่อการลงทุนถือเป็นสินค้าปลอดภาษี (0%)
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาทองคำแสดงให้เห็นว่า แม้แต่สินทรัพย์ปลอดภัยก็ไม่อาจรอดพ้นจากความผันผวนที่เกิดจากความสับสนในยุคของมาตรการภาษี
นักวิเคราะห์จำนวนมากระบุว่ากำลังรอความชัดเจนเพิ่มเติมในประเด็นนี้ พร้อมเสริมว่ามาตรการภาษีทองคำของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการผลิตและขนส่งทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่ปัจจุบันสินค้าสวิสถูกเก็บภาษีนำเข้าโดยสหรัฐฯ ที่ 39% และทั้งสองประเทศยังอยู่ระหว่างการหารือเพื่อลดอัตราภาษี
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้หยุดส่งมอบทองคำแท่งไปยังสหรัฐฯ ชั่วคราว เพราะความไม่แน่นอนดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 68)