
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนก.ค. ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ สะท้อนผลกระทบจากความต้องการภายในประเทศที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนด้านการค้าที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
ราคาสินค้าหน้าประตูโรงงานลดลงติดต่อกันมากกว่า 2 ปีแล้ว โดยข้อมูลในวันนี้ (9 ส.ค.) บ่งชี้ให้เห็นว่าความพยายามในช่วงแรกเพื่อแก้ไขการแข่งขันด้านราคายังไม่ประสบผลสำเร็จ
แรงกดดันจากภาวะเงินฝืดทำให้ทางการจีนพยายามจัดการกับปัญหาการผลิตเกินกำลังในอุตสาหกรรมหลัก อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมรอบล่าสุดดูเหมือนเป็นเพียงการลดทอนรูปแบบของการปฏิรูปด้านอุปทานครั้งใหญ่เมื่อสิบปีก่อน ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการยุติภาวะเงินฝืดในอดีต
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเทียบรายปีในเดือนก.ค. ไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่คาดว่าจะลดลง 0.1%
ราคาสินค้าประเภทอาหารลดลง 1.6% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนมิ.ย.
สภาพอากาศรุนแรงเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ โดยในเดือนก.ค. มีคลื่นความร้อนรุนแรงในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของจีน และฝนตกหนักกว่าปกติจากฤดูมรสุมในเอเชียตะวันออกที่หยุดนิ่งอยู่ทางตอนเหนือและใต้ของประเทศ
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. หลังลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาสินค้าประเภทอาหารและเชื้อเพลิงที่ผันผวน อยู่ที่ 0.8% ในเดือนก.ค. เทียบกับปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นจาก 0.7% ในเดือนมิ.ย.
ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยอย่างยาวนานและความเปราะบางของข้อตกลงสงบศึกทางการค้ากับสหรัฐฯ กดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกิจกรรมในภาคโรงงาน
นโยบายของรัฐบาลเน้นควบคุมการแข่งขันที่ไม่เป็นระเบียบในอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ มากกว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันที แต่บรรดานักวิเคราะห์มองว่ามาตรการนี้มีศักยภาพจำกัดในการกระตุ้นความต้องการขั้นสุดท้ายอย่างมาก
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 3.6% เทียบรายปีในเดือนก.ค. มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลง 3.3% โดยในเดือนมิ.ย. ดัชนี PPI ก็ลดลง 3.6% เช่นกัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 68)