AOT งวด Q3/68 กำไรสุทธิร่วง 15.30% รายได้ทั้ง Aero และ Non-Aero ลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่ม

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย [AOT] เปิดเผยว่า งวดไตรมาส 3/68 (เม.ย.-มิ.ย.68) มีกำไรสุทธิ 3,864.80 ล้านบาท ลดลง 15.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 4,562.72 ล้านบาท โดยมีรายได้จาก

การขายหรือการให้บริการ 15,343.31 ล้านบาท ลดลง 1,061.86 ล้านบาท (- 6.47%) จากการลดลงทั้งรายได้เกี่ยวกับกิจการ
การบิน 4.78% มาที่ 7,457.12 ล้านบาท และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินลดลง 8.02% มาที่ 7,886.19 ล้านบาท โดยรายได้รวม 16,088.39 ล้านบาท ลดลง 3.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 5.09% เป็น 10,735.05 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 56.03 ล้านบาท หรือ -8.21% สำหรับค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 344.06 ล้านบาท หรือ 29.29% สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่ลดลง

สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 มิ.ย.68 (ต.ค.67-มิ.ย.68) บริษัท มีกำไรสุทธิจำนวน 14,262.37 ล้านบาท ลดลง 4.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายหรือการให้บริการ 50,913.10 เพิ่มขึ้น 1.12% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 10.22% มาที่ 25,645.27 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินลดลง 6.69% มาที่ 25,267.83 ล้านบาท

ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 2,409.12 ล้านบาท หรือ  8.14% แต่ต้นทุนการเงินลลดง 9.39%

นางสาวปวีณา กล่าวว่า ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.67-มิ.ย.68) มีจำนวนเที่ยวบินรวม 602,195 เที่ยวบิน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 9.79% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 341,523 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 260,672 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวม 97.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.87% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 59.48 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 37.76 ล้านคน

“จากภาพรวมผลดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ AOT ทั้งในด้านปริมาณเที่ยวบิน ผู้โดยสาร รายได้ และการขยายเครือข่ายเส้นทางบิน ทั้งนี้ AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการที่ดีแก่ผู้โดยสาร และรองรับการเติบโตของการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ประเทศไทยในอนาคต เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินโลก Aviation Hub อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”นางสาวปวีณา กล่าว

ล่าสุด จากการที่ ทสภ.ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของท่าอากาศยานที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศดีที่สุด (Airport Connectivity Ranking) ประจำปี 2567 โดยสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักเดินทางที่มีต่อท่าอากาศยานของ AOT ทั้งในด้านความปลอดภัย การให้บริการ และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานของ AOT ได้รับความสนใจจากสายการบินในการขยายเครือข่ายเส้นทางการบินอย่างต่อเนื่อง โดยแผนตารางบินฤดูหนาว (Winter Schedule) ประจำปี 2568 (เดือนตุลาคม 2568 -มีนาคม 2569) ณ ท่าอากาศยานของ AOT มีสายการบินใหม่ 7 สายการบิน เข้ามาให้บริการในประเทศไทย อาทิ United Airlines, Centrum Air, Air France, Etihad Airways, T’way, Loong Air และ Scoot

นอกจากนี้ยังมีสายการบินที่เพิ่มเส้นทางการบินอีก 11 เส้นทาง ครอบคลุมสนามบินหลักและสนามบินภูมิภาค เช่น สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ให้บริการเส้นทาง ลอสแอนเจลิส – ทสภ. สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ให้บริการ เส้นทาง ริยาด – ทดม. สายการบินไทยแอร์เอเชีย ให้บริการเส้นทาง ปูซาน – ทดม. , ดานัง – ทภก. , โคลัมโบ – ทภก. สายการบิน Air France ให้บริการเส้นทาง ปารีส – ทภก. สายการบิน Hainan Airline ให้บริการเส้นทาง ไหโขว่ – ทภก. , ไหโขว่ – ทชม. เป็นต้น

เพื่อรองรับการขยายตัวของเครือข่ายเส้นทางการบินดังกล่าว AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการและมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการกระตุ้นตลาดด้านการบิน (Incentive Scheme) ให้แก่สายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่มายังท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ AOT หรือเส้นทางการบินใหม่ของสายการบิน ซึ่งได้มีการขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568 8 ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2571 โดยให้ส่วนลดด้านการบินในอัตรา 50% ตลอดระยะเวลาโครงการ

สำหรับโครงการ Marketing Fund ที่สนับสนุนงบส่งเสริมการตลาดในอัตรา 300 บาทต่อผู้โดยสารหนึ่งคน ซึ่งจะช่วยจูงใจสายการบินให้เปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศมายัง ทหญ.และ ทชร. อันเป็นการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค รวมถึงกิจกรรม “FAM Trip” ที่นำผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศมาสัมผัสและเยี่ยมชมการท่องเที่ยวในพื้นที่จริง เป็นการแนะนำศักยภาพของท่าอากาศยานและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและเชียงราย เพื่อวางรากฐานสำหรับการขยายเส้นทางบินเชิงพาณิชย์ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ AOT จึงได้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่ง ให้สามารถรองรับผู้โดยสาร 240 ล้านคนต่อปีในปี 2575

ขณะเดียวกัน AOT ก็มีแผนหาแหล่งรายได้อื่นเพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) เช่น การเปิดให้นักลงทุนและผู้ประกอบการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีโอกาสพัฒนาพื้นที่ศักยภาพรอบสนามบินทั้ง 6 แห่งเพื่อประกอบธุรกิจ เช่น โรงแรม โครงการ MRO โครงการ Private Jet Terminal โครงการ Logistics Hub Training Center ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า โชว์รูมรถยนต์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการ Attraction in Terminal เป็นต้น และยังมีการจัดเก็บค่าบริการระบบไฟฟ้า 400 Hz และระบบปรับอากาศ PC-AIR ที่อาคาร SAT-1 ทสภ. ที่สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของสายการบินที่เข้ามาใช้บริการที่ ทสภ.ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพด้านแหล่งรายได้ที่มีประสิทธิภาพ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)