
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากมุมมองบวกที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังดีดตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตือนว่า รัสเซียจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่รุนแรง หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ปฏิเสธการทำข้อตกลงเพื่อยุติสงครามในยูเครน
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 63.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 66.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนยังคงมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.วลาดิเมียร์ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่ฐานทัพเอลเมนดอร์ฟ-ริชาร์ดสันในเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา โดยการประชุมแบบตัวต่อตัวระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศจะเริ่มขึ้นในวันนี้ (15 ส.ค.) เวลา 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในรัฐอะแลสกา หรือตรงกับวันเสาร์ที่ 16 ส.ค. เวลา 02.30 น.ตามเวลาไทย
ปธน.ทรัมป์กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เขาคิดว่าปธน.ปูตินพร้อมที่จะทำข้อตกลงเพื่อยุติสงครามในยูเครน หลังจากที่ปธน.ปูตินเสนอแนวทางในเรื่องนี้ก่อนการประชุมสุดยอดที่รัฐอะแลสกา แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ขู่ว่ารัสเซียจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่รุนแรง หากปธน.ปูตินไม่ยอมทำข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครน นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังเตือนว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย หากการประชุมในวันนี้ล้มเหลว
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองในปี 2567 รองจากสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงใด ๆ ที่จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอาจทำให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันได้มากขึ้นและจะทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 68)