หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นขานรับเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย จับตาการเมืองในประเทศ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาประธานเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย และดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนตลายมากขึ้น เป็นปัจจัยหนุนให้กับตลาดหุ้น แต่ยังรอติดตามปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับประเด็นพิจารณาตัดสินของศาลฯเกี่ยวกับคลิปเสียงของนายกฯปลายสัปดาห์นี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,265-1,270 จุด แนวรับ 1,245-1,250 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าปรับตัวขึ้น ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นตามกันเช้านี้ หลังจากเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย และมีการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดยกลับมาดูที่ในส่วนของตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่เริ่มเห็นการอ่อนแอลง แทนดูที่ตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้กับตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศในสัปดาห์นี้ยังคงต้องติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นคลิปเสียงของนายกฯว่าจะมีการพิจารณาออกมาอย่างไรในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพราะส่งผลถึงเสถียรภาพรัฐบาล

โดยให้แนวต้าน 1,265-1,270 จุด แนวรับ 1,245-1,250 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,631.74 จุด เพิ่มขึ้น 846.24 จุด หรือ +1.89%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,466.91 จุด เพิ่มขึ้น 96.74 จุด หรือ +1.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,496.54 จุด เพิ่มขึ้น 396.22 จุด หรือ +1.88%

– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 42,977.27 จุด เพิ่มขึ้น 343.98 จุด หรือ +0.80%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,606.88 จุด เพิ่มขึ้น 267.74 จุด หรือ +1.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,848.16 จุด เพิ่มขึ้น 22.4 จุด หรือ +0.58%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ส.ค.) 1,253.39 จุด เพิ่มขึ้น 8.60 จุด (+0.69%) มูลค่าการซื้อขาย 37,999.28 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (22 ส.ค.) 1,689.22 ลบ.

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.(22 ส.ค.) เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 63.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ส.ค.) อยู่ที่ 4.16 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.43 แนวโน้มแข็งค่ารับดอลลาร์อ่อนค่า หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในก.ย.

– จับตาอนาคตประเทศไทยผ่านคดีนายกฯแพทองธาร ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาด 29 ส.ค.นี้ ได้ไปต่อเสียงปริ่มน้ำหรือลาออก-ยุบสภา จับตา 3 ฉากทัศน์เศรษฐกิจมหภาคกังวลรัฐบาลเปลี่ยนขั้ว-ยุบสภาสะเทือนการใช้จ่ายภาครัฐ เอกชนชะลอ-เลื่อนแผนลงทุน แบงก์ทบทวนแผนรายไตรมาส นักธุรกิจเรียกร้องความชัดเจน ต้องการเสถียรภาพ อยากมี นายกฯตัวจริงทำงาน 100% ค่ายรถลดทำการตลาด ธุรกิจอสังหาฯชี้รักษาเสถียรภาพรัฐบาล เท่ากับการรักษากระแสเงินสด “มาม่า” เชื่อการเมืองนิ่งคือหัวใจผู้บริโภค เตรียมใช้แผนสำรอง

– ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ว่า “แม้อัตราการว่างงานของสหรัฐยังคงอยู่ใน

ระดับต่ำ แต่ “นโยบายที่ยังคงเข้มงวด, แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม และดุลความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เราจำเป็นต้องปรับ

เปลี่ยนจุดยืนด้านนโยบาย” ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากกว่าครั้งก่อน ๆ ว่า พาวเวลกำลังพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

– ครึ่งแรกปี 2568 เวียดนามดึงลงทุนต่างชาติพุ่ง 32.6% อุตสาหกรรมการผลิตและการประมง เข้าไปลงทุนมากสุด “ทีดีอาร์ไอ” ชี้ไทยเสี่ยงตกขบวนดึง FDI โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต้นน้ำสาขาที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง จับตา จีน-เกาหลีใต้ สนใจลงทุนเวียดนามมากกว่าไทย แนะไทยเร่งปฏิรูป 3 ด้าน ค่าจ้างค่าแรง ทักษะ วิจัยและพัฒนา และลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคการลงทุน

– กลุ่ม 36 สว.ตอกฝาโลง “แพทองธาร” ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีให้ศาล รธน. ขยี้จุดตายเดิมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง “เศรษฐา” ชวน “อิ๊งค์” ดื่มกาแฟ บังเอิญเจอกันที่พารากอน “พท.” ย้ำนายกฯ ไม่ลาออกแน่ ลูกพรรคมั่นใจ ชี้กรณีคำตัด สินเป็นลบ “ชัยเกษม” เท่านั้น ปัด “บิ๊กตู่เสี่ยหนู” ยันไว้ใจพรรคร่วมรัฐบาลไม่โหวตตลบหลัง “จิรายุ” เคลียร์ดรามา “นั่งลงลูก”

*หุ้นเด่นวันนี้

– WHA (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.00 บาท จากสถิติ 4 ปีย้อนหลังพบว่าหุ้นเข้าร่วม Thailand Focus มักมีแนวโน้ม Outperform ตลาด โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +3.9% เทียบ SET index +3.5% ในช่วงเวลา ก่อนงานเริ่ม 3 วันทำการ (วันที่ 25 ส.ค. 68) และขายหลังงานจบ 5 วัน (5 ก.ย.68) คาด WHA เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจบน theme China+1 โดย WHA YTD -34.2% เทียบกับ SET Index -10.4% ในช่วงเดียวกัน ยังคง underperformed SET ถึง 23.8% โดย Backlog รวม JV ในงวดไตรมาส 2/68 ที่ 1.5 พันไร่ (ไม่ถูกกระทบจากมาตรการภาษี) เทียบกับเป้ายอดขายที่ 2.4 พันไร่ WHA ตั้งเป้าในปี 68

– SYNEX (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.76 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 190 ลบ.(+19%YoY, +1%QoQ) มีแรงหนุนยอดขายสินค้า Apple และสมาร์ทโฟน รวมถึง Nintendo Switch2 ที่เปิดตัวในช่วงเดือนมิ.ย.68 ส่วนภาพรวม คาดว่ากลุ่มสินค้าไอทียังมีปัจจัยบวกจากDemand การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ให้ทันกับเทคโนโลยี(4g>5g>AI) รวมถึงการใช้งาน cloud/อุปกรณ์ IoT ที่แพร่หลายขึ้น นอกจากนี้ การสนับสนุนสำหรับ Windows 10 ก็จะถูกยกเลิก หลังวันที่ 14 ต.ค.68 ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี 68 และ 69 กำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 686 ลบ.(+9%YoY) และ 765 ลบ.(+12%YoY)

– MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาทโมเมนตัมผลการดำเนินงาน 2H25 ยังคงแข็งแรงต่อเนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อที่ยังเติบโตระดับ Double Digit y-y ขณะที่ NIM คาดยังทรงตัวดีจาก Loan Yield ที่ดีขึ้น ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีและควบคุมได้ เราคาดกำไรปี 68-69 ที่ 7.1 พันลบ. +21% y-y และ 8.3 พันลบ. +17% y-y ตามลำดับ คาดราคาหุ้นได้ Sentiment บวกหลังเฟดส่งสัญญาณ Dovish มากขึ้นต่อการดำเนินนโยบายการเงิน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ส.ค. 68)