สื่อกัมพูชารายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาของ สม รังสี แกนนำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยในต่างแดน ซึ่งโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา มีส่วนพัวพันกับการพยายามเข้าซื้อหุ้นของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
สม รังสี อดีตหัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชาซึ่งถูกศาลสั่งยุบพรรคไปแล้ว อ้างว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน และ ทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามเข้าถือหุ้นบางจากในสัดส่วน 24% ผ่านนายหน้าชื่อ “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” ชาวแอฟริกาใต้ที่ถือสัญชาติกัมพูชา
รังสีระบุในโพสต์ว่า “แต่กองทุนประกันสังคมของไทยซึ่งถือหุ้นอยู่ 14% ไม่ยอมขาย ทำให้ฮุน เซน โกรธจัด และถูกฉ้อโกงเงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์”
ข้อกล่าวหาของรังสีอ้างอิงข้อมูลจากบทความในเว็บไซต์เอเชีย เซ็นติเนล (Asia Sentinel) ซึ่งเจาะลึกถึงบทบาทของเมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือที่รู้จักในชื่อ “เบ็น สมิท” ว่าเป็นตัวกลางผู้ทรงอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง และมีความเชื่อมโยงกับทั้งทักษิณและสมเด็จฯ ฮุน เซน
รังสียังกล่าวหาด้วยว่า “เรื่องที่เริ่มจากความขัดแย้งทางธุรกิจ บัดนี้ได้บานปลายเป็นปัญหาระดับชาติ ลากเอาทหารและพลเรือนเข้าสู่สงครามที่ไม่จำเป็น การสังเวยชีวิตผู้คนเพื่อความบาดหมางส่วนตัวนั้น นอกจากจะไม่เป็นธรรมแล้ว ยังไร้มนุษยธรรมอย่างที่สุด”
ด้านโฆษกรัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์โต้กลับ โดยปัดตกข้อกล่าวอ้างของทั้งเอเชีย เซ็นติเนล และ สม รังสี ว่าเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น
“โฆษกรัฐบาลขอเรียนให้ประชาชนทราบว่า สมเด็จเดโช ฮุน เซน, สมเด็จธิบดี ฮุน มาเนต และครอบครัว ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับนายหน้าชาวแอฟริกาใต้คนดังกล่าว และไม่เคยซื้อหุ้นในบริษัทไทยใด ๆ ตามที่ถูกกล่าวหา” แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ยังวิพากษ์วิจารณ์บัญชีเฟซบุ๊กของ สม รังสี ว่ามักเผยแพร่ข้อมูลที่แต่งขึ้น บิดเบือน หรือเกินจริงเป็นประจำ โดยอาศัยแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อทำลายชื่อเสียงของผู้นำระดับสูงของกัมพูชา
โฆษกกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวมีเป้าประสงค์เพื่อบ่อนทำลายความนิยมและสั่นคลอนความน่าเชื่อถือของคณะผู้นำแห่งชาติ ซึ่งยังคงได้รับความเคารพและการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนชาวกัมพูชา และย้ำว่าการกระทำเช่นนี้สะท้อน “เจตนากบฏ” ที่มุ่งสร้างความแตกแยกในชาติ และถูกประณามอย่างกว้างขวางจากชาวกัมพูชาทั้งในและต่างประเทศ
“รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งมีสมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเป็นผู้นำ ได้อุทิศตนเพื่อชาติและประชาชนมาโดยตลอด และเปรียบเสมือนโล่กำบังอันแข็งแกร่งยามประเทศชาติและประชาชนเผชิญความยากลำบาก” แถลงการณ์ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ย. 68)
