Anthropic ยอมจ่าย 1.5 พันล้านดอลล์จบคดีละเมิดลิขสิทธิ์ หลังดาวน์โหลดหนังสือจากเว็บเถื่อนฝึก AI

แอนโทรปิก (Anthropic) ผู้พัฒนาแชตบอต AI ตกลงยอมจ่ายเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ (4.8 หมื่นล้านบาท) เพื่อยุติคดีความกับกลุ่มนักเขียนที่ยืนฟ้องบริษัทด้วยข้อกล่าวหาว่า บริษัทนำผลงานหนังสืออันมีลิขสิทธิ์ของพวกเขาไปใช้ฝึกฝนแชตบอต “Claude” โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งข้อตกลงยอมความดังกล่าวอาจถือเป็นค่าชดเชยลิขสิทธิ์ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจกลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญสำหรับคดีลิขสิทธิ์อื่น ๆ ที่บริษัท AI เช่นโอเพนเอไอ (OpenAI), ไมโครซอฟท์ (Microsoft), กูเกิล (Google) และเมตา (Meta) กำลังเผชิญอยู่

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว แอนโทรปิกจะจ่ายเงินราว 3,000 ดอลลาร์ต่อหนังสือหนึ่งเล่ม จากจำนวนหนังสือทั้งหมดที่ประมาณการว่าอาจมีมากถึง 500,000 เล่ม ซึ่งอพาร์นา ศรีธาร์ รองที่ปรึกษาทั่วไปของแอนโทรปิก กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยคลี่คลายข้อกล่าวหาของกลุ่มผู้ฟ้องร้องในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์และการโจรกรรมวรรณกรรมที่ใช้ในการฝึกฝน AI

ขณะเดียวกัน แอนโทรปิกยืนยันว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา “ระบบ AI ที่ปลอดภัย เพื่อช่วยให้ผู้คนและองค์กรขยายขีดความสามารถ พัฒนาการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนต่อไป”

เบื้องหลังข้อตกลงยอมความ

คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยนักเขียนสามคน ได้แก่ แอนเดรีย บาร์ตซ์, ชาร์ลส์ แกรเบอร์ และเคิร์ก จอห์นสัน ในฐานะตัวแทนของนักเขียนและสำนักพิมพ์จำนวนมาก เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลโดยกล่าวหาว่า บริษัทแอนโทรปิกขโมยผลงานของพวกเขาไปใช้ฝึกฝนแชตบอต Claude เพื่อสร้างธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

ต่อมา วิลเลียม อัลซัป ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ แห่งซานฟรานซิสโก ได้มีคำตัดสินในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาว่า การใช้หนังสือที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อฝึกฝน Claude นั้นไม่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า “fair use” แต่ผู้พิพากษาชี้ว่า แอนโทรปิกดาวน์โหลดหนังสือดิจิทัลกว่า 7 ล้านเล่ม ซึ่งบริษัท “ทราบดีว่าถูกละเมิดลิขสิทธิ์” โดยได้มาจากเว็บไซต์เถื่อน เช่น Books3, Library Genesis และ Pirate Library และทั้ง ๆ ที่แอนโทรปิกสามารถซื้อหนังสือเหล่านี้ได้ แต่กลับเลือกที่จะ “ขโมย” เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากทางกฎหมาย ผู้พิพากษาจึงตัดสินว่านักเขียนมีเหตุผลที่จะฟ้องร้องแอนโทรปิก

ทั้งนี้ ก่อนทำข้อตกลงยอมความกับกลุ่มนักเขียน แอนโทรปิกมีกำหนดขึ้นศาลในเดือนธ.ค. เพื่อรับฟังการพิจารณาเรื่องการใช้สำเนาหนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อสร้างคลังข้อมูล

ทำไมแอนโทรปิกจึงเลือกที่จะประนีประนอม

บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากแอนโทรปิกไม่ยอมตกลงยุติคดีความ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะเป็นผู้แพ้ในการพิจารณาคดีเดือนธ.ค. นี้ ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องจ่ายค่าเสียหายอีกหลายพันล้านดอลลาร์ และอาจทำให้บริษัทถึงขั้นล้มละลายหรือต้องปิดกิจการได้

แชด ฮัมเมล จากบริษัทกฎหมาย แมคคูล สมิท กล่าวว่า แอนโทรปิก “มองเห็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า” ว่าหากคดีไม่สามารถยุติลงได้ด้วยการประนีประนอม พวกเขาอาจต้องเผชิญกับการจ่ายค่าเสียหายจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อบริษัท

ขณะเดียวกัน แม้แอนโทรปิกต้องจ่ายเงินยอมความเป็นจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ แต่ก็ถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่บริษัทระดมทุนได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเดือนนี้ แอนโทรปิกเพิ่งประกาศทำข้อตกลงเพื่อระดมทุนเพิ่มอีก 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทสตาร์ตอัปแห่งนี้มีเงินทุนรวมแล้วกว่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2564

อนาคตของ AI และลิขสิทธิ์

ผู้พิพากษาอัลซัปมีกำหนดพิจารณาตรวจสอบเงื่อนไขข้อตกลงยุติคดีความในวันนี้ (8 ก.ย.) โดยถึงแม้ข้อตกลงนี้ไม่ถือเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายโดยตรง เนื่องจากคดีไม่ได้ไปถึงขั้นพิจารณาในชั้นศาลอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็อาจเป็นการสร้างบรรทัดฐานสำคัญสำหรับคดีลิขสิทธิ์อีกหลายสิบคดีที่บริษัท AI เช่น OpenAI, Microsoft, Google และ Meta กำลังเผชิญอยู่

ปัจจุบัน The New York Times ได้ยื่นฟ้อง OpenAI และ Microsoft ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เนื้อหาข่าว อย่างไรก็ตาม บริษัท AI บางแห่งได้เริ่มลงนามข้อตกลงอนุญาตให้ใช้สิทธิ์กับองค์กรข่าวและเจ้าของลิขสิทธิ์อื่น ๆ แล้ว เช่น OpenAI ที่ทำข้อตกลงกับ Axel Springer, Conde Nast, News Corp และ The Washington Post ส่วน Amazon ก็ได้ลงนามข้อตกลงอนุญาตให้ใช้สิทธิ์กับ The Times ในเดือนพ.ค. เพื่อหาแนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย

จัสติน เนลสัน หนึ่งในทนายความที่ว่าความให้กับกลุ่มนักเขียนในคดีนี้ กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะ “สร้างบรรทัดฐานที่กำหนดให้บริษัท AI ต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์” และเป็นการ “ส่งสารที่หนักแน่นไปยังบริษัท AI และนักสร้างสรรค์ว่า การนำผลงานลิขสิทธิ์ไปจากเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้เป็นเรื่องผิด”

ด้านแมรี ราเซนเบอร์เกอร์ ซีอีโอของออเทอร์ส กิลด์ เรียกข้อตกลงนี้ว่าเป็น “ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเขียน สำนักพิมพ์ และเจ้าของลิขสิทธิ์โดยทั่วไป เป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังอุตสาหกรรม AI ว่า พวกเขาจะได้รับผลกระทบร้ายแรง หากขโมยผลงานของนักเขียนไปฝึกฝน AI”

ขณะที่ คริสเตียน สเตาต์ ผู้อำนวยการนโยบายนวัตกรรมของ International Center for Law and Economics กล่าวว่า เรื่องนี้ “ไม่ควรถูกตีความผิดว่าเป็นการลงประชามติคัดค้านการฝึกฝน AI” แต่เป็น “บทเรียนที่ชัดเจนสำหรับนักพัฒนา AI ว่า จงเคารพลิขสิทธิ์ในการได้มาซึ่งชุดข้อมูล และทำตามแบบอย่างที่แอนโทรปิกได้แสดงให้เห็นแล้ว”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ย. 68)