สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (8 ก.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียงเล็กน้อยในเดือนต.ค. นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะออกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบของรัสเซียเพิ่มเติม
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 62.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 66.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 137,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนต.ค. ในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา
อย่างไรก็ดี การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนต.ค.ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเพิ่มกำลังการผลิต 547,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย., 548,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. รวมทั้งการปรับเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วันทั้งในเดือนเดือนพ.ค., เดือนมิ.ย. และเดือนก.ค.
โอเปกระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงมีเสถียรภาพ และปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันในปัจจุบันยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ โอเปกพลัสได้กำหนดวันประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 5 ต.ค. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการผลิตในวันข้างหน้า
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศว่าเขาพร้อมที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในระยะที่สอง ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าอาจมีการยกระดับการลงโทษรัฐบาลรัสเซียหรือประเทศที่ยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ยังคงโจมตียูเครน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ก.ย.) รัสเซียได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ในยูเครน ส่งผลให้อาคารสำนักงานหลักของรัฐบาลยูเครนในใจกลางกรุงเคียฟไฟไหม้ และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย
ด้านปธน.ทรัมป์ประกาศว่า บรรดาผู้นำชาติยุโรปจะเดินทางมายังสหรัฐฯ ในวันจันทร์และวันอังคาร เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)
