“ชนินทธ์” มั่นใจจบศึกใน DUSIT ด้วยดี กลับมาแข็งแกร่งพลิกฟื้นกำไร-ล้างขาดทุนสะสมหมดปี 69

นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี [DUSIT] กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวจะจบลงด้วยดี หลังมีปัญหาระหว่างพี่น้อง โดยทุกฝ่ายต้องการรักษา DUSIT ไว้ ซึ่งคาดว่า ปัญหาน่าจะหมดลงหลังการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 ก.ย.นี้

“ปัญหาที่มีอยู่ รับรองว่า ทุกอย่างจะสามารถจบลงด้วยดีหมด เพราะผมคิดว่าสิ่งที่คุณแม่สร้างไว้ และทำให้บริษัท ดุสิตธานีมีชื่อเสียง ผมคิดว่าทุกคนก็อยากจะรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม… คิดว่าปัญหาที่มีในบริษัทแก้ไขได้ ผมค่อนข้างมั่นใจ และจบลงด้วยดี คิดว่าไม่ต้องเป็นห่วง..อยากให้มีความเชื่อมั่น DUSIT เชื่อมั่นทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง” นายชนินทธ์ กล่าว

พร้อมมั่นใจในปี 69 DUSIT จะพลิกฟื้นมีกำไรอย่างมีนัยสำคัญ จากการรับโอนโครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside ที่มียอดขายแล้ว 94% มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ที่เริ่มทยอยโอนปลายปีนี้ จะทำให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 1.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกันหนี้ของบริษัทที่มีอยู่จะลดลงไปโดยเฉพาะหนี้แบงก์ในโครงการ Dusit Central Park วงเงิน 5 พันล้านบาท จะทยอยคืนได้เกือบหมดในปี 69

สำหรับนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DUSIT ที่จะเข้าไปรับตำแหน่งรมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลใหม่ ซึ่งการทำงานเป็นเพียงระยะเวลาสั้น 4-8 เดือน และเมื่อเสร็จภารกิจนี้แล้ว ก็พร้อมเปิดทางให้นางศุภจีกลับมาคุมทัพต่อไป

*ปี 69 พลิกฟื้นมีกำไร ล้างขาดทุนสะสมหมด

นางศุภจี กล่าวว่า DUSIT ต้องการโฟกัสให้การดำเนินธุรกิจมีความต่อเนื่อง หลังจากมีการเปลี่ยนผ่าน ซีอีโอ เป็นนายชนินทธ์ โดยบริษัทได้วางรากฐานธุรกิจไม่ให้สะดุดหยุดนิ่ง ยอดรอรับรู้การโอนที่จะเข้ามาในปีหน้าและจะรับรู้กำไรได้ ส่วนความขัดแย้งภายในครอบครัวผู้ถือหุ้น DUSIT ยังไม่สามารถพูดได้ แต่ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าจะจบลงได้ เพราะนายชนินทธ์ได้พูดคุยทุกวันเพื่อจะทำให้ข้อขัดแย้งยุติลงให้ได้ ซึ่งก็จะทราบผลในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 ก.ย.นี้

นายชนินทธ์ กล่าวว่า ในปี 69 จะมีการรับรู้การโอนโครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside ซึ่งจะรับรู้ราว 80% ของยอดที่ขายได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และจะเห็นผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ และลดภาระหนี้แทบหมด ช่วยลดภาระดอกเบี้ย และล้างขาดทุนสะสมให้หมด จะเห็นภาพ DUSIT กลับมาอย่างสดใส

โครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside เป็นโครงการที่ทำใสห้ DUSIT ประสบความสำเร็จเพราะเป็นโครงการที่ใหญ่ มูลค่าโครงการ 1.7 หมื่นล้านบาท และเป็นคอนโดมิเนียมระดับ luxury สามารถมียอดขายได้กว่า 90% แม้อยู่ในช่วงโควิด ซึ่งบ่งชี้ว่าลูกค้าไว้วางใจ DUSITซื้อ ทั้งที่เป็นโครงการเช่า 60 ปี เพราะมั่นใจในบริการของ DUSIT

ทั้งนี้ หนี้สินของ DUSIT มีทั้งหมด 9.5 พันล้านบาท โดยเงินกู้ 5 พันล้านบาทเป็น Project Finance ในโครงการ Dusit Central Park หุ้นกู้ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุในปี 69 คาดว่าจะ Roll Over ต่อ และที่เหลือเป็นหนี้สถาบันการเงิน

อย่างไรก็ดี แผนงาน 9 ปีของ DUSIT ที่วางแผนไว้โดย 3 ปีแรกเป็นการสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโต และในช่วงที่ 2 ที่ดำเนินการ โครงการ Dusit Central Park ซึ่งเกิดวิกฤตโควิด ทำให้โครงการนี้เสร็จล่าช้าไป 2 ปี ยังเหลือช่วง 3 ปีสุดท้ายที่บริษัทจะ Take off เป็น New Chapter

“เราต้องทำให้มีกำไร และมีชื่อเสียง 7-8 ปีที่ผ่านมา หลายช่วงที่เกิดโควิด ผมก็คิดว่าโครงการนี้จะรอดไหม เราต้องวิ่งไปธนาคาร เพื่อขอกู้ ซึ่งธนาคารก็รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เชื่อถือการทำงาน เราโชคดีที่มีคณะกรรมการบริษัทที่คอยให้ความช่วยเหลือ”นายชนินทธ์กล่าว

ทั้งนี้ในปี 67 บริษัทสามารถทำสถิติรายได้สูงสุดที่ 11,240 ล้านบาท เติบโต 2 เท่าจากปี 59 ที่มี 5,370 ล้านบาท

*ส่ง”ศุภจี”นั่งรมว.พาณิชย์ รอหมดวาระกลับมารับช่วงต่อ

นายชนินทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน งานหลัก ๆ ที่ DUSIT ได้ผ่านไปแล้ว การส่งนางศุภจีไปนั่งรมต. ไปช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น และคิดว่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เลือกคนไม่ผิด

“ผมก็กลับมาคิดได้ว่า เรายินดีที่ประเทศไทย จะได้คนที่ดีที่เก่งไปช่วยประเทศ อยากบอกว่า คน DUSIT ทุกคนรักศุภจีมาก พอภารกิจเสร็จ ผมไม่คิดว่าคุณศุภจีจะเป็นนักการเมือง พอภารกิจประเทศเสร็จ ขอให้กลับมาที่ DUSIT ซึ่งคุณศุภจีก็จะกลับมา”นายชนินทธ์กล่าว

นางศุภจี กล่าวว่า ตนเองเข้ามาเป็นกรรมการ DUSIT เมื่อปี 58 และเป็นซีอีโอในปี 59 เกือบครบ 10 ปี ที่ทำงานที่ DUSIT วันนี้ ประเทศไทยเจอความท้าทาย จะเข้าไปช่วยเรื่องปากท้อง ดูแลเศรษฐกิจภาพรวม เชื่อว่าจากประสบการณ์การทำงานที่ ไอบีเอ็ม , บมจ.ไทยคม [THCOM] ที่คลุกคลีกับงานในต่างประเทศ น่าจะนำมาใช้ให้กับเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าไปได้ นอกจากโครงการคนละครึ่ง ก็น่าจะต้องมีการสร้างรายได้ ช่วยดูแลตลาดต่างประเทศ การค้าในประเทศ จะหาศักยภาพว่าจะแข่งขันได้อย่างไร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 68)