“วันนอร์” รอรัฐบาลแจ้งวันแถลงนโยบาย คาดช่วงสัปดาห์หน้า ใช้เวลา 2 วัน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า ขึ้นอยู่กับการกำหนดของรัฐบาล ซึ่งหลังจากวันที่ 24 ก.ย. 68 ที่รัฐบาลจะเข้าถวายสัตย์ฯ และประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ จะแจ้งมายังสภาฯ ว่ารัฐบาลพร้อมที่จะแถลงนโยบายวันใด

ทั้งนี้ เมื่อรัฐบาลแจ้งมาแล้วสภาฯ ก็จะหารือวิป 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดวันและชั่วโมงในการอภิปราย ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ซึ่งสภาฯ พร้อมที่จะแจ้งให้สมาชิกทราบว่าจะแถลงนโยบายวันใด และต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน เพราะรัฐบาลต้องส่งนโยบายที่แถลงมาให้สมาชิกได้อ่านก่อนวันประชุม

“ถ้าหากทุกอย่างพร้อม ไม่มีอะไรติดขัด อาจจะเป็นวันที่ 1-2 ต.ค. โดยจะใช้เวลาทั้ง 2 วัน ซึ่งจะเท่ากับรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงของวิปทั้ง 3 ฝ่าย” ประธานรัฐสภา กล่าว

ส่วนเรื่องการแบ่งเวลาอภิปรายนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องมีการประชุมวิปเพื่อหาข้อตกลงกัน แต่ทั้งนี้ ต้องรอให้รัฐบาลแจ้งความพร้อมในการแถลงนโยบายมาก่อน ซึ่งเมื่อทุกอย่างพร้อม ก็เชื่อว่าจะมีความเรียบร้อยดี

 

ด้าน นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ วิปทั้ง 3 ฝ่าย คือฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา จะมีการหารือกัน เพื่อกำหนดกรอบการประชุม และกรอบเวลาของแต่ละฝ่าย

“ประเด็นในการอภิปรายนั้นหลัก ๆ คือเรื่องการแถลงนโยบายที่รัฐบาลได้เสนอ และประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือ 2 เรื่องหลักที่วุฒิสภาจะอภิปราย” นายพิสิษฐ์ กล่าว

สำหรับผู้ที่จะอภิปรายนั้นยังไม่มีการกำหนด ต้องรอดูโควต้าว่า สส.และ สว.จะได้ผู้อภิปรายเท่าไร ทั้งนี้ คาดว่าการแถลงนโยบายน่าจะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้า เพราะนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ออกมาบอกแล้วว่าวันที่ 25 ก.ย.นี้คงไม่ทัน ดังนั้นอาจจะเป็นช่วง 29-30 ก.ย.68 หรือ 30 ก.ย.-1 ต.ค.68

“คาดว่าการอภิปรายจะจบภายใน 2 วัน เนื่องจากวันที่ 29-30 ก.ย.68 ตรงกับวันประชุมวุฒิสภาอยู่แล้ว ส่วนวันที่ 1-2 ต.ค. ตรงกับวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาจจะใช้ฝั่งละ 1 วัน” นายพิสิษฐ์ กล่าว

ส่วนความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลในการทำงานแค่ 4 เดือนนั้น ถือว่าน้อยมาก แต่ก็ทนมา 2 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นก็หวังว่า 4 เดือนรัฐบาลจะตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ไปกลั่นแกล้ง แต่เรื่องจะกำจัดฝ่ายตรงข้าม

“อยากให้เน้นแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ อยากให้รัฐบาลมุ่งเน้นเป็นหลัก เพราะ 4 เดือนนี้ไม่เยอะเลย แต่ก็อยากให้เห็นผล เพราะใกล้จะปีใหม่แล้ว” นายพิสิษฐ์ กล่าว

ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลอาจไปยุ่งเหยิงกับคดีเขากระโดง และฮั้วเลือก สว.นั้น นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 เรื่อง ไม่ใช่หน้าที่หลักของรัฐบาล หน้าที่หลักของรัฐบาล คือ ดูแลประชาชน ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลควรจะทำ และสิ่งที่รัฐบาลควรจะสนใจ คือทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น

“วันนี้มันแย่จริง ๆ ภาคการท่องเที่ยวก็ตกลงไปเยอะ อยากให้รัฐบาลเน้นตรงนี้ดีกว่า เรื่องฮั้วเลือก สว. เรื่องเขากระโดง เขามีคนที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล” นายพิสิษฐ์ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 68)