
นายแอนโทนี วาตานาเบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืนบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส [IVL] กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าด้านต้นทุนทางปัญญา โครงการวิจัยและพัฒนาหลากหลายโครงการ การลงทุนในโซลูชันที่ยั่งยืนและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์โดยใช้กรอบการจำแนกผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Product Classification – SPC) ด้วยการลงทุนกว่า 33 ล้านเหรียญสหรัฐในงานวิจัยและพัฒนา และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จำนวน 483 รายการ
IVL ยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันที่มีคาร์บอนต่ำ สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และชีวภาพ ครอบคลุมทั้ง PET เส้นใย และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ เพื่อส่งมอบการสร้างคุณค่าและความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจ IVL 2.0 ของบริษัทฯ ที่มุ่งเสริมความแข็งแกร่งทางการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง
SPC เป็นกลไกสำคัญในการปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอและช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยในธุรกิจ Indovinya มีการประเมินผลิตภัณฑ์ 83 รายการ ภายใต้ PSA ครอบคลุม 44% ของรายได้ปลายน้ำ (Downstream revenue) รายได้จากผลิตภัณฑ์ยั่งยืนอย่ที่ 15.3% ในปี 67 ซึ่งทะลุเป้าหมายปี 68 ที่ 15% แล้ว ขณะเดียวกัน 47% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ปี 67 ถูกจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ยั่งยืนเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้า 50% ภายในปี 68 ขณะที่ธุรกิจ CPET และ ธุรกิจ Fibers ใช้แนวทาง PSA-aligned methodology ตั้งเป้าประเมินผลิตภัณฑ์ในธุรกิจดังกล่าวภายในไตรมาส 1/69
ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีแผนในการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมหลังจากจัดหาเงินกู้ส่งเสริมความยั่งยืนมูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 61-67 ที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้จะดำเนินการด้านความยั่งยืนเพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งเน้นการลดภาระหนี้และจ่ายคืนหุ้นกู้
“ด้วยแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนระยะเวลา 3 ปี ‘Innovate to 2028’ เรากำลังปรับเปลี่ยนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา ขยายขีดความสามารถด้านการรีไซเคิล และเร่งการพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่หมุนเวียนมากขึ้นและคาร์บอนต่ำลง เราจะยังคงลงทุนในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงความร่วมมือทางเทคนิค เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน เพิ่มความพร้อมด้านกฎระเบียบ และเสริมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน” นายวาตานาเบ กล่าว
สำหรับแผนงาน 3 ปี (ปี 68-70) Innovate to 28 เพื่อปลูกฝังแนวคิดด้านความยั่งยืนในพนักงานและการดำเนินงานทั่วโลก โดยแบ่งเป็น Educate ขยายทีมบุคลากรด้านยั่งยืนจาก 20 คน สู่เครือข่ายความยั่งยืนระดับโลกกว่า 25,000 คน Calibrate ปรับโครงสร้างโครงการเป้าหมาย และตัวชี้วัด (KPIs) เพื่อขับเคลื่อนผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนระดับโลก Motivate เพิ่มการมีส่วนร่วมโดยใช้การสื่อสารที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อขยายขอบแขตความมุ่งมั่น พร้อมแสดงสิ่งจูงใจในศักยภาพทางการตลาด และโอกาสด้าน ESG วัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังแนวคิดด้านความยั่งยืน ขับเคลื่อนการลงทุนเชิงบุกเบิกและสร้างภูมิทัศน์นวัตกรรม ยกระดับความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน และวางตำแหน่งเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
IVL จะนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดและกลยุทธ์การสร้างคุณค่าในระยะยาว ภายใต้แนวคิด “Sustainable Value Creation” หรือการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน ภายในงาน Sustainability Expo (SX) 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน-5 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยบูธของอินโดรามา เวนเจอร์ส ตั้งอยู่ในฮอลล์ 2 โซน Better Living ถ่ายทอดเส้นทางความยั่งยืนของบริษัทฯ ผ่านกลยุทธ์และผลลัพธ์ที่วัดผลได้ใน 6 โซนอินเทอร์แอคทีฟ ตามกรอบการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนทั้ง 6 ด้าน
นายยาช โลเฮีย ประธานบริหารด้านปิโตรเคมี และประธานคณะกรรมการด้านการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล IVL กล่าวว่า การสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมโยงการเติบโตทางธุรกิจกับผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่วัดผลได้ ภายใต้กรอบการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนทั้ง 6 ด้าน (Six Capitals) IVL มุ่งเน้นจะสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน ความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน นวัตกรรม พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาบุคลากร และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อส่งมอบคุณค่าระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

“งาน SX 2025 เปิดโอกาสให้เราได้แสดงให้เห็นว่ากรอบการทำงานนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจหลักของเรา พร้อมยกระดับบทบาทของเราให้เป็นผู้นำในการกำหนดอนาคตของวัสดุที่ยั่งยืนและเคมีภัณฑ์ที่ขาดไม่ได้”
ภายในงาน SX 2025 จะถ่ายทอดแนวคิดนี้ออกมาอย่างชัดเจน ผ่านการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟบนพื้นฐานของกรอบการทำงาน Six Capitals ของบริษัทฯ เพื่อการสร้างคุณค่าในระยะยาว เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เห็นชัดว่าบริษัทฯ มีการถ่ายทอดกลยุทธ์เหล่านี้ไปสู่ผลลัพธ์ที่วัดผลได้ โดยบูธถูกแบ่งออกเป็น 6 โซน ดังนี้
1. ด้านการเงิน (Financial Capital) – แสดงถึงการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางการเงินและความยั่งยืน โดยระดมเงินทุนด้านความยั่งยืนกว่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี 2561–2567 เพื่อนำไปลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง การดำเนินงานทั่วโลก และโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืน
2. ด้านการผลิต (Manufactured Capital) – ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน กำลังการรีไซเคิล และการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและของเสีย โดยในปี 2567 เพียงปีเดียว บริษัทฯ สามารถรีไซเคิลขวด PET ไปแล้ว 26.4 พันล้านขวด ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกกว่า 2.6 ล้านตัน และกำลังดำเนินการตามแผนเพื่อขยายกำลังการรีไซเคิลต่อปีให้ถึง 1.5 ล้านตัน ภายในปี 2573
3. ด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) – นำเสนอโปรแกรมการพัฒนาบุคลากรของบริษัทฯ สำหรับพนักงานกว่า 25,000 คนทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยบุคลากรและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
4. ด้านสังคมและความสัมพันธ์ (Social & Relationship Capital) – นำเสนอโครงการให้ความรู้ด้านการรีไซเคิล เช่น โครงการ Waste Hero ซึ่งได้ให้ความรู้แก่ผู้คนกว่า 1.1 ล้านคน ครอบคลุม 1,360 โรงเรียนและมหาวิทยาลัย รวมทั้งความร่วมมือระดับโลกกับภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) และพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน
5. ด้านทรัพย์สินทางด้านปัญญา (Intellectual Capital) – จัดแสดงนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ อาทิ ขวดสปาร์กลิ้งไวน์ PET ที่รีไซเคิลได้ทั้งหมดเป็นครั้งแรกของโลก ขวด bio-PET เส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ยั่งยืน และสารลดแรงตึงผิวชีวภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา สิทธิบัตร และการพัฒนากระบวนการผลิต
6. ด้านธรรมชาติ (Natural Capital) – นำเสนอโครงการริเริ่มเพื่อการลดการใช้น้ำและพลังงาน และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) ได้กว่า 3.6 ล้านตัน ตั้งแต่ปี 2554 ผ่านการใช้ประโยชน์จากการใช้พลังงานหมุนเวียน และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)