
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในวันพุธ (15 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่ระบุว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีหน้า
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 58.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 61.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยจีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแร่หายาก ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% และควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ในวันพุธว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งด้านการค้ากับจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น และย้ำว่าปธน.ทรัมป์พร้อมที่จะพบปะกับปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีน นอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก ที่เกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้
ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากการที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดจำนวน 4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิต ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซา
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 2.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 36 เดือน โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าจีนยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ (16 ต.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ต.ค. 68)