
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (21 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,924.74 จุด เพิ่มขึ้น 218.16 จุด หรือ +0.47%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,735.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.003% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,953.67 จุด ลดลง 36.88 จุด หรือ -0.16%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 1% ตามด้วยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารลดลง 0.85% ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีดตัวขึ้น 1.32% และหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 0.88%
ฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นไปอย่างคึกคัก โดยบริษัทรายใหญ่หลายแห่งมีผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึง GM ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3/2568 ที่สูงเกินคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2568 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้น GM ปิดตลาดทะยานขึ้น 14.9%
หุ้น Coca-Cola พุ่งขึ้น 4.1% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3/2568 โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์ผู้บริโภค ขณะที่หุ้น 3M พุ่งขึ้น 7.7% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2568 เนื่องจากเชื่อมั่นว่าแผนการลดต้นทุนจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ในปีนี้
ส่วนบริษัทผลิตยุทโธปกรณ์อย่าง Lockheed Martin, Northrop Grumman และ RTX ต่างก็ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2568 เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการอาวุธสงครามที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มนี้เป็นปัจจัยหนุนดัชนี S&P 1500 Aerospace/Defense Index ดีดตัวขึ้น 1.9%
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า นับจนถึงขณะนี้มีบริษัทในดัชนี S&P500 จำนวน 78 แห่งที่รายงานผลประกอบการแล้ว โดยในจำนวนนี้มี 87% รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ ล่าสุดนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกำไรโดยรวมของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 จะมีการเติบโตที่ 9.2% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ระดับ 8.8%
หุ้น Warner Brothers Discovery ทะยานขึ้น 11% หลังจากบริษัทประกาศว่ากำลังพิจารณาขายกิจการโดยตรง โดยระบุว่ามีผู้ซื้อที่มีศักยภาพหลายรายกำลังให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการ
นักลงทุนรอดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง Tesla, IBM และ Procter & Gamble ขณะเดียวกันก็จับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการเจรจาอาจมีความคืบหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ภาษีศุลกากรในอัตราสูงถึง 100% ที่เขาขู่ว่าจะเรียกเก็บจากจีนเพิ่มเติมนั้น จะไม่มีความยั่งยืน ขณะเดียวกันทรัมป์ได้แสดงความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างเป็นธรรมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในระหว่างการประชุมร่วมกันที่เกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 28-29 ต.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. และให้น้ำหนัก 96.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 68)