
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (27 ต.ค.) โดยดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันวันที่ 2 ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้า รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงในกลุ่ม “Magnificent Seven”
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,544.59 จุด เพิ่มขึ้น 337.47 จุด หรือ +0.71%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,875.16 จุด เพิ่มขึ้น 83.47 จุด หรือ +1.23% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,637.46 จุด เพิ่มขึ้น 432.59 จุด หรือ +1.86%
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังมีการยืนยันว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะพบกัน นอกรอบการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค.นี้ เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับกรอบการทำงานที่อาจทำให้สหรัฐฯ ระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าจีนในอัตราสูงถึง 100% และจีนอาจตัดสินใจระงับการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Face the Nation” ของสถานีโทรทัศน์ CBS News เมื่อวันอาทิตย์ว่า เขาคาดว่าจีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในปริมาณมากเป็นเวลาหลายปี และจะชะลอการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากออกไป 1 ปี โดยการเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นหลังเสร็จสิ้นการเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนที่ประเทศมาเลเซีย
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 2.3% และ 2.02% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มวัสดุ ปรับตัวลง 0.27% และ 0.25% ตามลำดับ
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Qualcomm ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิป ทะยานขึ้น 11% หลังจากบริษัทเปิดตัวชิป AI สำหรับใช้งานในศูนย์ข้อมูลและจะเริ่มวางจำหน่ายในปีหน้า ขณะที่หุ้น Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่สุดของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 2.8% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก
หุ้น Lululemon ซึ่งเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬา ดีดตัวขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทประกาศเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ National Football League
หุ้น Janus Henderson ทะยานขึ้น 11.3% หลังจากบริษัทยืนยันข้อเสนอการซื้อกิจการจาก Trian และ General Catalyst
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Alibaba Group Holding , หุ้น JD.com และหุ้น PDD Holdings ปรับตัวขึ้นในช่วง 2.7% – 3% ขณะที่ Baidu พุ่งขึ้น 4.8%
หุ้นบริษัทเหมืองแร่หายากที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง จากการคาดการณ์ที่ว่าจีนจะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่ที่สหรัฐฯ และจีนกำลังเจรจา ทั้งนี้ หุ้น Critical Metals ดิ่งลง 13.7% ขณะที่หุ้น NioCorp Developments ร่วงลง 11.5% และหุ้น Ramaco Resources ปรับตัวลง 2.6%
หุ้นบริษัทอาร์เจนตินาที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น หลังจากฆาบิเอร์ มิเลย์ พันธมิตรคนสำคัญของทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติ โดยหุ้น YPF พุ่งขึ้น 23.8% หุ้น Grupo Supervielle ทะยานขึ้น 48% และหุ้น Banco Macro พุ่งขึ้น 37.6%
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม Magnificent Seven โดยบริษัท Alphabet, Amazon, Apple, Meta Platforms และ Microsoft จะเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด และถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในวันที่ 29 ต.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 68)





