
นายสันติ ปิยะทัต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมหารือกับบริษัทแพลตฟอร์มที่ให้บริการออนไลน์ ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส เกี่ยวกับร้านอาหาร ว่า วันนี้ได้มีการเชิญบริษัทแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ทั้ง Shopee, Lazada, Grab และ Lineman มาพูดคุยเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการสนับสนุนโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพื่อให้โครงการสัมฤทธิผลตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้
โดยโครงการคนละครึ่งพลัสที่เริ่มใช้เมื่อวานนี้ ได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก โดยบริษัทแพลตฟอร์มเหล่านี้ จะเข้ามาช่วยในการควบคุมราคาอาหาร ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีมาตรการในการล็อกราคา เพื่อป้องกันการขึ้นราคาหรือแก้ไขราคา ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยภาครัฐ
นายสันติ กล่าวอีกว่า ทาง สคบ. ได้มีการเปิดสายด่วนอีก 10 คู่สาย เฉพาะรับเรื่องร้องเรียนคนละครึ่งพลัส ที่อาจจะมีการขึ้นราคาหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังมีการร้องเรียนผ่านทางออนไลน์ได้
ด้านนายณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนโครงการคนละครึ่งพลัส จะมีมาตรการป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาของร้านค้า โดยจะมีการปิดระบบไม่ให้เปลี่ยนแปลงเมนู และราคา พร้อมส่งเสริมให้ผู้บริโภคใช้บริการ โดยจะมีโค้ดส่วนลดเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ใช้คนละครึ่งแล้ว ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มจะไปทำโค้ดส่วนลดเอง ขณะเดียวกัน ยังมีการลดค่าธรรมเนียมให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสด้วย
ส่วนที่ สคบ. เปิดคู่สายรับเรื่องร้องเรียนเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัสนั้น เมื่อทาง สคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียน ก็จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยทันที ไม่ได้รอตามระบบที่ สคบ. พิจารณาปกติที่มีเป็นหมื่นคดี อีกทั้ง สคบ.จะมีการเผยแพร่รายชื่อบริษัทที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อให้เป็นทางเลือกที่ประชาชนตัดสินใจในการใช้บริการ
นอกจากนี้ ได้มีการหารือเรื่องการขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ให้ความร่วมมือดี แต่ละบริษัทมีการสร้างระบบ AI เพื่อตรวจจับและเฝ้าระวังไม่ให้มีการขายบุหรี่ไฟฟ้า หรือสินค้าที่ผิดกฎหมายผ่านทางแพลตฟอร์ม ซึ่งรัฐบาลจริงจังกับเรื่องนี้ ทั้งการปราบปรามและป้องกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายสันติ ได้นำคณะทำงานและสื่อมวลชน ไปสำรวจโรงอาหารประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อดูการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัส พร้อมกับอุดหนุนร้านอาหารต่าง ๆ และกินข้าวในโรงอาหารของทำเนียบรัฐบาลด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)





