ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) และอินวิเดีย (Nvidia) ประกาศยกระดับความร่วมมือครั้งสำคัญ โดยซัมซุงกำลังเจรจาเพื่อส่งมอบชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงรุ่นใหม่ HBM4 ให้กับอินวิเดีย พร้อมกันนี้ยังได้ทุ่มเม็ดเงินลงทุนซื้อหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของอินวิเดียจำนวน 50,000 ตัว เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปอัตโนมัติที่เรียกว่า “AI Megafactory”
ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ที่ซัมซุงอยู่ในบทบาททั้งซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนสำคัญ และในขณะเดียวกันก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของอินวิเดีย
ซัมซุงยืนยันว่ากำลัง “เจรจาอย่างใกล้ชิด” เพื่อเป็นผู้จัดหาชิป HBM4 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของชิปเซ็ต AI รุ่นถัดไปของอินวิเดีย ความพยายามนี้ถือเป็นการเดินเกมรุกเพื่อไล่ตามคู่แข่งสำคัญอย่างเอสเค ไฮนิกซ์ (SK hynix) ซึ่งปัจจุบันเป็นซัพพลายเออร์ HBM อันดับหนึ่งของอินวิเดีย โดยเอสเค ไฮนิกซ์ มีแผนจะเริ่มจัดส่ง HBM4 ได้ภายในไตรมาสที่ 4
นักวิเคราะห์มองว่าการคว้าสัญญา HBM4 มาได้จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญต่อความสามารถของซัมซุงในการทวงคืนความเป็นผู้นำในตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยพลาดโอกาสในช่วงที่ตลาดชิป AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ดี ล่าสุดซัมซุงได้เริ่มส่งมอบชิปรุ่นปัจจุบันอย่าง HBM3E ให้กับลูกค้ารายสำคัญทั้งหมดแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทได้กลับเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอินวิเดียแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง ซัมซุงประกาศแผนการจัดซื้อ GPU ของอินวิเดียจำนวน 50,000 ตัว เพื่อนำไปใช้สร้าง “AI Megafactory” (โดยยังไม่ได้ระบุไทม์ไลน์การก่อสร้างที่แน่ชัด) โดยมีเป้าหมายเพื่อปฏิวัติกระบวนการผลิตชิปของตนเองให้เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะการผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์มือถือและหุ่นยนต์
อินวิเดียระบุว่า การนำ GPU เข้ามาปรับใช้กับแพลตฟอร์มการผลิตชิป (Lithography) ของซัมซุงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้สูงขึ้นถึง 20 เท่า นอกจากนี้ ซัมซุงจะนำซอฟต์แวร์ซิมูเลชัน Omniverse ของอินวิเดียมาใช้ และจะใช้ศักยภาพของ GPU เหล่านี้ในการพัฒนาโมเดล AI ของตัวเองสำหรับใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ของบริษัทด้วย
อนึ่ง ความร่วมมือระดับสูงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดีย ได้พบปะหารือกับ อี แจ-ยง ประธานของซัมซุง ในเกาหลีใต้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68)
