
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างสนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมอนุมัติให้ รมว.ยุติธรรม ลงนามในสนธิสัญญาฯ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้
นอกจากนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่ที่จะตกลงไว้ในสนธิสัญญาฯ หลังจากที่รัฐสมาชิกอาเซียนลงนามสนธิสัญญาฯ แล้ว โดยจะดำเนินการแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนว่า ฝ่ายไทยได้เสร็จสิ้นการดำเนินการตามกระบวนของกฎหมายภายใน เพื่อให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับแล้ว
โดยสนธิสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับ 30 วัน นับจากวันที่รัฐสมาชิกอาเซียนอย่างน้อย 6 รัฐ ได้แจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนว่ามีผลใช้บังคับแล้ว และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงยุติธรรมสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง
ทั้งนี้ จะมีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมาย (ALAWMM) ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 14-15 พ.ย.68 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การแสดงวิสัยทัศน์ของประธานรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมาย การกล่าวถ้อยแถลงของรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมายประเทศสมาชิกอาเซียน การกล่าวต้อนรับสมาชิกใหม่ของที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมาย (สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต) การรับรองแผนงานสำคัญของที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านกฎหมาย เช่น การดำเนินงานหลังการลงนามสนธิสัญญาฯ การพัฒนาความสอดคล้องของกฎหมายการค้า การพัฒนาการจัดตั้งคณะทำงานเชิงเทคนิค เพื่อจัดทำอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการโอนตัวนักโทษ การรับรองการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย สำหรับการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านกฎหมาย ครั้งที่ 25 โดยในห้วงการประชุมดังกล่าว จะมีการลงนามสนธิสัญญาฯ ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียน จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนภายในของแต่ละประเทศต่อไป
สำหรับร่างสนธิสัญญาฯ ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ เนื้อหาสาระ และหลักเกณฑ์ ในการให้ความร่วมมือในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนภายในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคล้ายคลึงกับสนธิสัญญาในเรื่องเดียวกันที่ประเทศไทยได้จัดทำกับประเทศต่าง ๆ โดยได้กำหนดเงื่อนไข และขั้นตอนในบทบัญญัติ รวม 29 ข้อ และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา รวมทั้งความร่วมมือด้านการยุติธรรมและการปราบปรามอาชญากรรมระหว่างประเทศภาคี
“เมื่อมีผลใช้บังคับระหว่างรัฐสมาชิกอาเซียนแล้ว จะนำไปสู่ดำเนินความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมภายในภูมิภาคอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของความเคารพอธิปไตย ความเท่าเทียม และผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ดี สนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้ จะมีข้อยกเว้นกับคดีทางการเมือง ซึ่งจะไม่มีผลบังคับใช้กับสนธิสัญญาฉบับนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 68)
								




