
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ว่า ยอมรับว่าผิดหวังกับท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพราะสวนทางกับสิ่งที่พูดว่านี่คือวาระแห่งชาติ ในเมื่อการแก้ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเลย และยังไม่นับว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง กับทางกรรมาธิการในการแก้ปัญหาเรื่องนี้
“วันนี้อาจจะมีการทำเอ็มโอยูกับสหรัฐฯ แต่จะมีเอ็มโอยูหรือไม่ก็ไม่มีความหมาย เพราะเป็นเพียงพิธีการเท่านั้น แต่สิ่งที่อยากเห็นคือรูปธรรมของการทำงาน ในเรื่องความคืบหน้าของความเกี่ยวโยงกันในแต่ละบุคคล ซึ่งใครเกี่ยวข้องอย่างไรต้องเอาข้อเท็จจริงมาตรวจสอบสุดท้ายพยานหลักฐานที่สำคัญคือเส้นเงิน”
ส่วนกรณีมีข่าวนายกรัฐมนตรีปิดห้องคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อวานนี้ ตนคาดหวังว่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้บ้าง วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น ร.อ.ธรรมนัส พยายามใช้กระบวนการทางกฎหมายกลั่นแกล้งสื่อมวลชน และมีข้อสงสัยว่าทุนสีเทาเชื่อมโยงกับ ร.อ.ธรรมนัส พฤติการณ์หลายอย่างที่เป็นองค์ประกอบ
ดังนั้นการให้ ร.อ.ธรรมนัส ไปต่อในฐานะรองนายกรัฐมนตรี จะไม่มีทางสร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาลที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ได้เลย เมื่อวันเวลาผ่านไป สังคมไทยคอยคำตอบและพยายามอยู่หลายครั้ง ก็ชัดเจนว่าความน่าสงสัยของการเชื่อมโยงระหว่าง ร.อ.ธรรมนัสกับแก๊งสแกมเมอร์ที่เพิ่มขึ้น ซ้ำรอยกับคำพูดนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เข้าไปอีก จึงคิดว่าสังคมไทยไม่น่าจะยอมให้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ไปต่อในฐานะรองนายกรัฐมนตรี แต่ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ทำอะไร สังคมไทยก็จะตั้งคำถามกลับมายังนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน
“ก็อยู่ที่คุณอนุทินว่าตกลงจะเอาอย่างไร จะปราบสแกมเมอร์อย่างไร และก่อนที่จะปราบสแกมเมอร์ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นปราบรัฐมนตรีสีเทาทั้งหลายที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีนี้ก่อนเลย…จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ ร.อ.ธรรมนัส ลาออก เราคาดหวังให้นายกรัฐมนตรีปลดออกจากคณะรัฐมนตรีเลย นี่คือความคาดหวังของเราไม่ใช่เรื่องของการแสดงสปิริตแล้ว แต่เป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่ผ่านมาในทุกรูปแบบและส่อนัยอย่างชัดเจนว่าคน ๆ นี้ไม่สามารถให้อยู่ต่อไปในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีได้ ไม่เช่นนั้นจะสร้างความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนข้อมูลที่มีจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พวกเราพร้อมอยู่แล้ว ข้อมูลหลายอย่างเอาไปใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ และพร้อมพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย
“ผมยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถเอาผิด โดยเฉพาะทางการเมืองกับบุคคลต่าง ๆ ได้เอาผิดในการขยายผลเครือข่ายต่าง ๆ หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่อดีตที่เป็นนายกฯ ที่เป็นรัฐมนตรี นักการเมืองต่าง ๆ ก็สามารถดำเนินการได้ ต้องยอมรับว่าฝ่ายการเมืองข้าราชการประจำเละเทะ ตำรวจที่มีการแฉออกมาไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน 200 คน กระทั่งคนที่มีหน้าที่ปราบเว็บพนันเข้าไปเกี่ยวข้อง กับการรับส่วยเว็บพนัน ดังนั้นต้องยอมรับว่ากลไกต่าง ๆ แทบจะไม่เหลืออะไรให้เราเชื่อมั่นแล้ว สิ่งที่พวกผมทำได้ในฐานะที่ยังมีเวลาทางการเมืองที่จะนับถอยหลังไปทุก ๆ วันเราก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา” นายรังสิมันต์ กล่าว
โดยวันนี้จะมีการตรวจสอบกรณีของตำรวจ ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังว่าจะทำร้ายใคร ไม่ได้ต้องการทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียความเชื่อมั่น ดังนั้นหวังว่าข้อเท็จจริงที่จะนำเสนอทั้งหมดในวันนี้ จะนำไปสู่การปฏิรูปองค์กรตำรวจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อองค์กรตำรวจต่อไปในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 68)





